นครปฐม - ครูเก๋สอนว่ายน้ำยอมรับประมาท มองไม่เห็นน้องวัย 3 ขวบจมน้ำ แต่ช่วงเกิดเหตุได้เร่งประสานให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยนำน้องส่งโรงพยาบาล ล่าสุด ผู้ปกครองเด็กเรียกค่าเสียหายประมาณ 500,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินก้อน เป็นครูน้อยมีเงินเพียงเดือนละ 15,000 บาท ต้องยอมให้ผู้ปกครองเด็กดำเนินคดี
วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ น.ส.ธีรชา บัวงาม อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.9 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม และสามี ได้ร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอด ว่าบุตรสาวอายุ 3 ขวบ (น้องไอรีน) ได้เข้าเรียนว่ายน้ำ แต่เกิดจมน้ำอาการสาหัส ระหว่างที่กำลังเรียนว่ายน้ำอยู่ที่สระว่ายน้ำเทศบาลตำบลบางเลน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้ครูที่ดูแลทำการฝึกสอนยังไม่ออกมาทำการชี้แจงแต่อย่างใด
น.ส.ธีรชา กล่าวว่า ในวันนั้นมีนักเรียน 8 คน โดยที่มีครูสอนแค่คนเดียว คือครูเก๋ และไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ใดๆ ซึ่งในระหว่างที่ครูกำลังดูเด็กคนอื่นอยู่ๆ ลูกสาวของตนได้เดินไปที่สระผู้ใหญ่โดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนที่จะจม และลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำทำให้ครูเข้าไป CPR พร้อมกับเรียกรถพยาบาลมารับ โดยครูแจ้งว่าลูกสาวของตนจมน้ำ โดยน้องไอรีนต้องพักรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน 4 วัน เนื่องจากมีภาวะน้ำท่วมปอด และสมองขาดออกซิเจน หายใจเองไม่ได้ ในระหว่างที่ลูกสาวพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตนได้ไปสอบถามความรับผิดชอบ แต่ถูกเทศบาล และโรงเรียนโยนความรับผิดชอบกันไปมา พอไปถามเรื่องกล้องวงจรปิดบอกว่ากล้องเสีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ขอโทษ และให้เงินมา 2,000 บาทเท่านั้น
น.ส.ธีรชา บอกอีกว่าจากการที่ต้องไปร้องเรียนเพจสายไหมต้องรอดเนื่องจากได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ยังไม่มีการเรียกตัวครูเก๋ คนที่ทำการฝึกสอนหรือหน่วยงาน เช่น เทศบาลตำบลบางเลนเข้ามามาคุยแต่อย่างใด จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้ประสานประสานไปยังเพจโดยตรงเพื่อให้มีการชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นจากความประมาทครั้งนี้
น.ส.สุวคนธ์ เมฆสง่า อายุ 46 ปี หรือครูเก๋ บอกเป็นครั้งแรกว่า ในช่วงวันที่ทำการสอนนักเรียนว่ายน้ำจะมีนักเรียนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะอยู่ในห้องเรียนที่เป็นห้องกระจก อีกกลุ่มคือกลุ่มที่ลงสระว่ายน้ำซึ่งกลุ่มของน้องไอรีนได้ลงเรียนในสระพร้อมกับครู แต่ระหว่างที่ทำการสอน ตนได้หันไปเห็นว่าน้องไอรีนนอนคว่ำหน้าอยู่บนน้ำจึงได้ดึงตัวขึ้นมาแล้วทำการซีพีอาร์ ก่อนที่จะให้โทร.ตามสายด่วน 1669 เพื่อให้มารับตัวไปที่โรงพยาบาลแต่รู้สึกว่ามีความล่าช้าจึงได้ประสานหน่วยงานอื่นให้รีบนำรถมานำเด็กไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ตนยอมรับว่าประมาท เนื่องจากหลังจากสอนว่ายน้ำแล้วได้ให้น้องไอรีนเล่นน้ำต่อโดยที่กำลังหันไปดูเด็กอีกกลุ่มที่กำลังทำการเรียนการสอนอยู่ แต่ตนไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเพราะทราบดีว่าลูกใครใครก็รัก
น.ส.สุวคนธ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการพูดคุยกับทางคุณพ่อของน้องไปแล้วซึ่งได้มีการเรียกค่าเสียหายมาประมาณ 500,000 บาท แต่ตนเงินเดือนน้อยเพียงแค่ 15,000 บาท จึงไม่มีเงินที่จะไปชดเชยได้มากขนาดนั้น ตอนนี้ต้องยอมรับสภาพให้ทางครอบครัวเขาดำเนินคดีกับเราไปก่อน และยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนที่มองไม่ทัน
แต่ช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเดินทางเข้าเยี่ยมและมอบเงินให้แม้จะไม่มากแต่เป็นเงินที่ตนมีติดตัว โดยตนได้ประสานกับทางโรงพยาบาลนครปฐมเพื่อขอทราบอาการน้องไอรีนว่าเป็นอย่างไร แต่ทางโรงพยาบาลได้ชี้แจงว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติหรือผู้ปกครองของน้องไอรีน ซึ่งต้องทำใจรอฟังข้อมูลจากทางคุณพ่อคุณแม่ที่จะแจ้งให้ทราบเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้มีการเข้าตรวจตรวจสอบที่สระว่ายน้ำดังกล่าวพบว่าเป็นสระว่ายน้ำที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือของเด็กและของผู้ใหญ่โดยในส่วนของเด็กจะมีน้ำลึกอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร ส่วนทางคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามผลสอบปากคำแม่ของเด็กแล้ว คาดว่าน่าจะมีการเรียกตัวมาอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน ซึ่งจะต้องมีการรอผลผลการรับรองจากแพทย์ว่ามีอาการป่วยในขั้นใดก่อนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกันต่อไป