เชียงราย - “ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย” ออกโรงพบชาวบ้านกลุ่มต้านโรงไฟฟ้าขยะป่าหุ่งเชียงราย..บอกต้านกันขนาดนี้เกิดยาก แม้ประชาคมแล้วแต่เชื่อว่าคงทำแค่บางส่วน แถมยังต้องทำ EIA อีก
วันนี้ (19 มี.ค.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงมหาดไทย เดินทางไปมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ณ ที่ว่าการ อ.พาน จ.เชียงราย ในโอกาสที่เดินทางไปประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 2/2567 ที่ จ.พะเยา
โอกาสนี้ นายชาดาได้พบชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใน ต.ป่าหุ่ง อ.พาน ที่พากันมาชุมนุมเพื่อจะยื่นหนังสือให้ช่วยติดตามกรณีชาวบ้านออกมาคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าหุ่ง ที่มีการสำรวจจะก่อสร้างในพื้นที่บ้านห้วยประสิทธิ์ หมู่ 12 ต.ป่าหุ่ง ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะส่งผลกระทบเพราะมีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบ 11 หมู่บ้าน รวมทั้งมีพื้นที่ทางการเกษตร แหล่งเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลานิล คลองชลประทาน ฯลฯ แต่ปรากฏว่าปัจจุบันโครงการผ่านการทำประชาคมไปแล้วและกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการพิจารณา
นายชาดาได้เข้าไปรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่างถือป้ายคัดค้าน พร้อมกับกล่าวว่าในเมื่อชาวบ้านในชุมชนไม่ต้องการก็ต้องไปดูกันที่หลักการ กรณีนี้จะต้องมีการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ดังนั้นโอกาสจะเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็จะติดตามต่อไป
กรณีที่ได้ยินมาว่าได้มีการทำประชาคมโครงการไปแล้ว แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าคงเป็นประชาคมเพียงแค่ส่วนหนึ่งไม่ใช่จากประชาชนทั้งหมด ทาง อบต.จึงควรนำไปทบทวน และเมื่อต้องมีการทำ EIA เพราะใกล้ชุมชนจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อตนได้รับข้อมูลจากฝ่ายที่คัดค้านแล้วก็ต้องคัดค้านโดยหลักการและกฎหมาย
“แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เห็นด้วย โดยผมเคยเป็นอดีตนายกเทศมนตรี รู้ว่าหากเป็นพื้นที่ชุมชนทำไม่ได้ แม้ระบบเผาดีกว่าไม่เผา แต่ในช่วงจัดเก็บจะเป็นปัญหาโดยเฉพาะเมื่อตั้งอยู่ใกล้ชุมชน”
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ ต.ป่าหุ่ง จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,800 ล้านบาท เพื่อรองรับขยะที่ส่งมาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในเชียงรายวันละ 400-500 ตัน โดยเป็นโรงงานระบบปิดที่จะให้กำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์
ชาวบ้านระบุว่าได้มีเอกชนเข้ากว้านซื้อที่ดินแล้วหลายแปลงรวมกันแล้วกว่า 130 ไร่ และที่ผ่านมาเคยชุมนุมและยื่นหนังสือคัดค้านไปยังหลายหน่วยงานแล้วหลายครั้ง กระทั่งยื่นต่อ รมช.กระทรวงมหาดไทย
ซึ่งหลังจากนายชาดาได้รับหนังสือและมีความเห็นเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านคลายใจและแยกย้ายกันกลับ