นครสวรรค์ - เปิดใจ “เจ๊หน่อย-ร้านวัสดุก่อสร้างฯ ช่องแค ตาคลี” เจ้าของผลงานเก้าอี้พลาสติกหยุดเสียงรถแห่นาค ลั่นค่อยเจอกันที่ศาล..บอกเกิดมาเพิ่งเคยเห็นรถแห่นาคดังจนกระจกบ้านสะเทือนทุกบาน แถมขอแล้วไม่สนใจ จนโมโหคว้าเก้าอี้เขวี้ยง เผยหลังเกิดเหตุมีคนขว้างขวดเบียร์ใส่อีก
กรณีมีการโพสต์คลิปภาพเหตุการณ์ของกลุ่มคนมีปากเสียงทะเลาะกันระหว่างเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มผู้ร่วมขบวนแห่นาค ซึ่งในคลิปจะเห็นการปะทะคารมกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าภาพงานแห่นาค ได้มีการพูดประกาศผ่านไมค์ และเดินเข้าไปต่อว่าเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่หน้าร้านอย่างเผ็ดร้อนด้วย
ซึ่งเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” ได้มีการระบุข้อความที่คลิปไว้ว่า “สงสารเจ้าภาพนะ..กับงานแค่วันเดียว..มุมของร้านค้าเขาอาจจะไม่ชอบเสียงดัง เหตุมันเลยเกิด พวกผมไปสร้างความสนุกไห้เจ้าภาพ ไม่ได้มีเจตนาจะไปรบกวนท่าน แต่ท่านจะเอาเก้าอี้มาปาพวกผม และมายืนชี้นิ้วด่าแบบนี้ไม่ได้นะครับ อยากให้คุณป้าคุยดีๆ กับพวกผมหน่อย พวกผมแค่มาสร้างความสนุกให้กับเจ้าภาพ เจ้าภาพเขาจัดงานแค่วันเดียว ไม่ได้จัดงานแบบนี้ทุกวัน สงสารเจ้าภาพเลย #รถแห่วาเลนไทน์ #นิวนิวแบนด์ #ที่นี่ช่องแคตาคลี-อย่าแล้งน้ำใจเลยวิถีงานบุญของคนไทยเดี๋ยวเขาก็แห่ผ่านไปลดความใจแคบลงคิดบวกชีวิตจะได้สดชื่น-สาเหตุเกิดจากอะไรคะ ทำไมถึงทำกิริยาแบบนี้ / ทางเจ้าของร้านออกมาปาเก้าอี้ใส่นักดนตรีบอกว่าให้เลิกเล่นถ้าจะเล่นไปเล่นกันที่อื่นทางเจ้าของร้านเขาไม่ชอบเขาหนวกหูค่ะ”
ล่าสุดผู้สื่อข่าวตรวจสอบต้นฉบับคลิป พบว่าเจ้าของคลิปเป็นนักร้องประจำวงดนตรี ฟิวเจอร์แบนด์ อยู่ในพื้นที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งได้รับการเปิดเผยจาก นายมาร์ค อายุ 27 ปี ระบุว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 มีนาคม 2567 วงดนตรีของตนได้รับการว่าจ้างให้ไปร้องนำในขบวนแห่นาค จึงได้มีการนำรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงไปร่วมงานแห่ตามที่ได้รับการว่าจ้าง
ซึ่งก็ได้มีการตั้งขบวนแห่จากบ้านงาน เพื่อพานาคไปเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดช่องแค ที่อยู่ห่างไปประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนตนก็ร้องเพลงอยู่บนท้ายรถบรรทุก เพื่อทำหน้าที่สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้มาร่วมขบวนไปตามปกติ แต่เมื่อขบวนกำลังจะผ่านหน้าร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างของคู่กรณี บริเวณวงเวียนช่องแค จู่ๆ ก็มีผู้หญิงเจ้าของร้านเดินเข้ามาชี้นิ้วต่อว่าแล้วจึงเดินกลับไปหยิบเก้าอี้พลาสติกเอามาเขวี้ยงใส่รถเครื่องขยายเสียง จนตนต้องหยุดร้อง และเบาเสียงเพลงทันที
จากนั้นผู้หญิงเจ้าของร้านคนเดิมก็ยังเดินเข้ามาต่อว่าอีกรอบ บอกให้หยุด และให้ไปส่งเสียงเล่นดนตรีกันที่อื่น เนื่องจากมีคนป่วยเป็นโรคหัวใจ ซึ่งหลังจากที่ถูกต่อว่า ทางเจ้าภาพงานแห่ก็ได้มีการเข้าไปพูดคุยมีปากเสียงกับผู้หญิงเจ้าของร้านตามที่เห็นในคลิปก่อนจะมาบอกให้ตนร้องเพลงต่อไม่ต้องสนใจอะไร เพราะเขารับปากจะรับผิดชอบเอง ตนจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกจ้างงานต่อไปจนถึงวัด
“สิ่งที่เขาต่อว่ามา ก็เข้าใจนะ แต่อยากให้เขาเข้ามาบอก เข้ามาคุยดีๆ มากกว่า ที่จะเข้ามาชี้หน้าต่อว่า และมาปาของใส่รถ มันถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลย แล้วอีกอย่าง ขบวนแห่ก็กำลังจะเคลื่อนผ่านหน้าร้านของเขาไปอยู่แล้ว และใช้เวลาไม่นาน ประกอบกับงานแห่งานบวชแบบนี้ไม่ได้มีการจัดกันทุกวัน เพราะนานๆ จะจัดกันที จึงไม่น่าจะแล้งน้ำใจกันแบบนี้เลย” นายมาร์คกล่าว พร้อมกับระบุทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้น ก็ทราบข่าวว่าทางเจ้าของร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าภาพงานด้วย แต่ไม่รู้ว่าแจ้งข้อหาอะไร
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าภาพงานบวช เพื่อสอบถามข้อมูลอย่างละเอียด แต่ได้รับการแจ้งว่าไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก เนื่องจากเจรจากับคู่กรณี และเคลียร์กันไปบ้างแล้ว จึงไม่อยากมีปัญหาต่อ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านวัสดุก่อสร้างคู่กรณีเพื่อสอบถามข้อมูลอีกด้าน ซึ่งเจ้าของร้านคือ เจ๊หน่อย (ขอสงวนชื่อจริง) ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูเก้าอี้พลาสติกแบบเตี้ย สีฟ้า ที่มีรอยแตกร้าวอยู่ข้างหนึ่ง พร้อมกับยอมรับว่าเก้าอี้ตัวนี้แหละที่ใช้เขวี้ยงใส่รถแห่งานบวชนาค เพราะโมโหที่เดินไปพูดขอร้องกันดีๆ แล้ว แต่ไม่ฟังกันเลย
เจ๊หน่อย เจ้าของผลงานเก้าอี้ถล่มรถเครื่องเสียงแห่นาค เปิดเผยว่า ตนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง สามีก็ป่วยด้วยโรคหัวใจเช่นกัน ซึ่งตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นว่าขบวนแห่นาคของเขาใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ และติดเครื่องขยายเสียง ซึ่งมันดังมากๆ ดังจนกระจกทุกบานในบ้านสั่นสะเทือนไปหมด
และด้วยความเป็นห่วงสามี ตนจึงได้เดินเข้าไปคุยกับทางเจ้าภาพงาน โดยขอให้เขาลดใช้เสียงลงหน่อยเพราะมันดังมาก ซึ่งรอบแรกที่คุยกันก็ไม่รู้เขาว่ากันอย่างไร ปล่อยให้ดนตรีเล่นต่อไป ตนจึงเดินออกไปอีกรอบ โดยพยายามบอกกับทางคนขับรถบรรทุกว่าให้เขาเบาเสียง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
หนำซ้ำเมื่อเดินไปที่ข้างรถเพื่อจะบอกกับนักร้องที่กำลังร่ายเพลงอย่างเมามัน ก็ไม่ได้รับความสนใจ เพราะเสียงมันดังมาก จนตนเกิดความโมโห เลยหยิบเก้าอี้โยนออกไป แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครนะ แค่ต้องการให้เขาหยุด มาฟังสิ่งที่ตนร้องขอ ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะตนโยนแรงไปหน่อยจนไปโดนรถของเขา แล้วเสียงก็เงียบทันตาเห็น พร้อมกับเฮโลกันเข้ามารุมต่อว่าตนกันที่หน้าร้านกันอย่างที่เห็นตามคลิป จึงทำให้ตนเกิดความหวาดกลัว เลยรีบไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้
เจ๊หน่อยเล่าต่อไปว่า หลังจากที่กลับมาจากโรงพักแล้วก็คิดว่าเรื่องมันคงจบๆ ไป แต่เปล่าเลย พอตนเข้าไปนั่งกินข้าวในร้าน ก็ได้ยินเสียงกระจกแตกที่บริเวณหน้าร้าน จึงได้รีบออกไปดู ตอนแรกยังคิดว่าเป็นกระจกของร้านแตก แต่ที่ไหนได้ เพราะตั้งแต่หน้าร้านลามเข้ามาถึงภายใน มีเศษแก้วขวดเบียร์ดังแตกเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด
เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดเช็กดูก็พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์สีแดง โดยมีคนซ้อนท้ายใส่เสื้อสีขาว เป็นผู้นำขวดเบียร์มาขว้างปาบนถนนฝั่งตรงข้ามร้าน ซึ่งในกล้องวงจรปิดสามารถจับแผ่นป้ายทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุไว้ได้ชัดเจน อีกทั้งภายในคลิปภาพจะเห็นว่า ตอนที่ผู้ก่อเหตุขว้างขวดเบียร์ เกือบปาไปไปโดนหัวของผู้ที่ขับขี่รถสวนทางมาด้วย และเรื่องนี้ตนก็ได้แจ้งความเอาไว้เช่นกัน และจะไม่ขอพูดอะไรแล้ว ค่อยไปเจอกันที่ศาลทีเดียวเลย
ด้านนายภัทรเดช หลักทรัพย์ นายกเทศมนตรีช่องแค ได้ออกมาให้ความคิดเห็นว่า ส่วนตัวขอไม่ชี้ชัดว่าใครเป็นคนผิด และเข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่าย แต่มองว่าในสถานการณ์แบบนี้ทางฝ่ายเจ้าภาพน่าเคลื่อนขบวนไปให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจะดีกว่า ส่วนเรื่องที่คนในคลิปได้มีการพูดผ่านเครื่องขยายเสียงต่อว่าเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้าง และพูดจาท้าทาย พร้อมอวดสรรพคุณว่าตนเองเป็นทนายนั้น ยอมรับว่ารู้จักกับคนนี้ แต่เขาอยู่ในพื้นที่ตำบลอื่น ไม่ได้อยู่ ต.ช่องแค และก็ไม่ได้เป็นทนายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด