ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คืบหน้าครูพละเรียกเก็บเงินแก้ติด ร นักเรียนชาย ม.3 แฉอีกชอบแทะโลมนักเรียนสาวประจำด้านผู้ปกครองจี้ต้นสังกัดไล่ออก ขณะที่เทศบาลโคราชลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ยันรู้ผลใน 3 วัน หากพบครูผิดจริงไล่ออกทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเพจดังได้โพสต์แฉเรื่องราวครูพละชายรายหนึ่ง โรงเรียนเทศบาล 3 (ยมราชสามัคคี) สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินค่าแก้เกรดติด “ร” จากนักเรียนชั้น ม.3 คนละ 200 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคารตัวเอง ทั้งที่ทางผู้บริหารโรงเรียน และผู้บริหารเทศบาลนครนครราชสีมาไม่มีนโยบายเรียกรับเงินลักษณะนี้ นอกจากนี้เพจเจ้าเดิมยังได้แฉต่อว่า ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่โรงเรียนแห่งนี้เตรียมที่จะแฉพฤติกรรมของครูพละรายนี้ ซึ่งมีทั้งเรื่องของการเรียกเก็บเงิน และพฤติกรรมนัดนักเรียนหญิงไปมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลอย่างกว้างขวางขณะนี้
ล่าสุดวันนี้ (18 มี.ค.) เวลา 11.30 น. นายชัชวาล วงศ์จร รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ซึ่งรับผิดชอบด้านการศึกษาโรงเรียนในสังกัดของเทศบาลนครนครราชสีมาทั้ง 6 แห่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนดังกล่าว โดยมีผู้อำนวยการสำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมา, ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่สำนักการศึกษาฯ ร่วมเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย โดยได้มีการสอบถามเรื่องราวต่างๆ จากผู้อำนวยการโรงเรียน, ครู, ผู้ปกครองที่ร้องเรียน และนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงิน เพื่อประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนครูพละชายที่ถูกร้องเรียน ขณะนี้ทางเทศบาลนครนครราชสีมาได้มีคำสั่งย้ายให้ไปอยู่ในสำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมาเป็นการชั่วคราวก่อนเพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ไม่พบว่าครูพละคนดังกล่าวเดินทางมาที่โรงเรียนแต่อย่างใด
จากการสอบถามนายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.3 หนึ่งในนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าแก้เกรดติด “ร” บอกว่า พฤติกรรมของครูพละชายคนนี้มักจะชอบสั่งงานให้นักเรียนไปทำหลายอย่าง แล้วหลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาส่งงานก็มักจะมีข้ออ้างว่าป่วย หรือติดธุระต่างๆ เพื่อยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาขีดเส้นตาย ก็จะชอบเร่งให้นักเรียนไปแก้งานอีก ทำให้นักเรียนหลายคนส่งงานไม่ทันกำหนด แล้วติด “ร” กันเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็จะมีข้อเสนอให้โอนเงินไปให้ เพื่อที่จะแก้ติด “ร” ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ที่ไม่อยากมีปัญหาก็จะโอนเงินไปให้เพื่อให้เรื่องจบๆ ไปเพราะไม่อยากให้ผลการเรียนเสียหาย อย่างเช่นล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ในห้องของตนเองก็ถูกครูคนนี้ให้โอนเงินให้ จำนวน 6 คน คนละ 200 บาท ซึ่งบางคนก็จ่ายเป็นเงินสด นักเรียนบางคนที่ไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร ก็ต้องไปยืมเพื่อนให้ช่วยโอนเงินไปให้ครูก่อนเพื่อให้เรื่องจบๆ กันไป ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันครูคนนี้ก็เรียกเก็บเงินนักเรียนในห้องของตนเองทุกคนซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 36 คน คนละ 30 บาท โดยไม่รู้ว่าเป็นเงินค่าอะไร บอกแต่เพียงว่าจะนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพิ่มเท่านั้น แต่ด้วยความที่นักเรียนไม่อยากมีปัญหาก็โอนไปให้กันเกือบทั้งห้อง 33 คน เหลือ 3 คนที่ไม่โอนเงินให้
ส่วนเรื่องพฤติกรรมชู้สาว ตนเองได้เห็นกับตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเพื่อนนักเรียนหญิงกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะม้านั่ง แล้วจับกระโปรงขึ้นมารวบไว้จนถึงขาอ่อน เมื่อครูคนดังกล่าวเห็นก็เดินไปนั่งข้างๆ จ้องมองเล่นหน้าเล่นตาเหมือนคนหื่นกาม พร้อมกับบอกว่าครูดูอยู่นะ เพื่อนนักเรียนหญิงจึงหยิบโทรศัพท์มากะว่าจะแอบถ่ายพฤติกรรมลามกอนาจารของครูคนนี้ไว้ แต่เขารู้ตัวทัน จึงถ่ายไว้ไม่ทัน ซึ่งพฤติกรรมเชิงชู้สาวของครูคนนี้เป็นที่รู้กันทั่วทั้งโรงเรียน แต่ไม่มีใครทำอะไรได้เลย
ด้านนางสาวหญิงจิตติมา นัฏฐนิชาโชติกา อายุ 46 ปี ผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าแก้ติด “ร” กล่าวว่า ตนเองได้รับทราบเรื่องนี้จากหลานชายที่เรียนอยู่ชั้น ม.3 ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งพบว่าครูพละคนดังกล่าวเรียกเก็บเงินค่าแก้ติด “ร” จำนวน 200 บาท แต่หลานไม่มีเงินให้ จึงได้ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนไปก่อน หลังจากนั้นจึงไปสอบถามที่ครูประชำชั้นเพื่อขอคำชี้แจงเรื่องเงินค่าแก้ติด “ร” ซึ่งได้รับการยืนยันจากครูประจำชั้นว่าที่โรงเรียนไม่มีนโยบายในการเรียกเก็บเงินลักษณะนี้
ดังนั้นตนเองจึงรู้สึกไม่สบายใจ ที่ครูพละทำเช่นนี้เพื่ออะไร และเงินที่เรียกเก็บกับเด็กนักเรียนเป็นเงินค่าอะไรกันแน่ จึงได้นำเรื่องไปโพสต์ลงในโซเชียล จนกระทั่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ภายหลังจากที่ครูคนดังกล่าวรู้เรื่องจึงได้แจ้งนักเรียนว่าเป็นการสื่อสารเข้าใจผิดกัน โดยอ้างว่าเป็นการเก็บเงินมาเพื่อทำสกอร์บอร์ด และรีบโอนเงินคืนให้นักเรียนทุกคน พร้อมกับบอกนักเรียนว่าให้ช่วยแก้ข่าวให้ด้วย ว่าเป็นการสื่อสารเข้าใจผิดกัน ซึ่งตนเองไม่อยากให้ครูมีการเรียกเก็บเงินแบบหมกเม็ดเช่นนี้
จึงอยากให้ทางหน่วยงานต้นสังกัดเร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนที่นี่ รู้สึกสบายใจมากขึ้น ส่วนเรื่องพฤติกรรมเกี่ยวกับเชิงชู้สาวกับนักเรียนหญิงนั้น ตนเองก็เพิ่งจะทราบจากการแฉของเพจอีซ้อขยี้ข่าว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็อยากให้ครูคนนี้ออกไปเสีย จะได้ตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต
ด้านนายชัชวาล วงศ์จร รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ดูแลด้านการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนเองทราบเรื่องนี้ก็ได้มีคำสั่งให้ครูพละคนดังกล่าวย้ายออกจากโรงเรียน ไปอยู่ที่สำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมาทันทีตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที โดยมีตนเองเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้จะมาสอบถามข้อมูลจากหลายฝ่าย เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน, ครูประจำชั้น, ผู้ปกครอง และนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงิน เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานต่างๆ มาประกอบการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนเองมองเรื่องของภาพความเสียหายไว้ก่อน ตามที่ผู้ปกครองและนักเรียนร้องเรียนมา
ส่วนครูผู้ถูกกล่าวหาจะมีข้อแก้ตัวอย่างไร ก็ต้องว่ากันตามข้อมูลหลักฐานที่มี แต่จะเร่งสอบข้อเท็จจริงและสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุดภายใน 2-3 วันนี้ จะไม่มีการยืดเยื้อแน่นอน และขอยืนยันว่าทางเทศบาลนครนครราชสีมาจะไม่มีการช่วยเหลือคนผิดแน่นอน ผิดก็ว่าไปตามผิด และพร้อมที่จะดำเนินการเอาผิดตามระเบียบให้ถึงที่สุด เบื้องต้นจากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่าครูพละคนดังกล่าวยอมรับว่าเรียกรับเงินจากนักเรียนจริงๆ แต่อ้างว่าเป็นการเรียกเก็บเงินเพื่อมาซื้ออุปกรณ์สำหรับทำสื่อการเรียนการสอน ถึงอย่างไรก็ตามตนเองก็จะต้องไปตรวจสอบว่ากรณีนี้มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มหรือไม่ เพราะถ้าจะเรียกเก็บเงินก็ต้องมีการแจ้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบ และรายงานมาที่ผู้อำนวยการสำนักการศึกษาฯ แล้วส่งเรื่องต่อมาให้ตนเองทราบก่อน
แต่กรณีนี้ตนเองไม่ทราบเรื่อง แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน ซึ่งเรื่องการเรียกเก็บเงินค่าเรียนนั้น ทางโรงเรียนไม่มีการเรียกเก็บเพิ่มจากค่าเทอมปกติ แต่เนื่องจากว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนเป็นห้อง EP ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้น ม.3 ซึ่งจะมีครูประจำชั้นชั้นละ 2 คน เป็นครูชาวไทย 1 คน และครูชาวต่างชาติ 1 คนและทุกห้องเรียนติดแอร์ทั้งหมด โดยมีความโดดเด่นด้านภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงมีการเก็บค่าเทอมเพื่อนำเงินค่าเทอมไปเป็นค่าจ้างครูชาวต่างชาติ และค่าอุปกรณ์การเรียนการสอนให้มีมาตรฐานระดับสากล
ดังนั้นจึงอาจจะมีการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่งบประมาณส่วนใหญ่จะเป็นของเทศบาลฯ ที่มีการทุ่มงบมาให้โรงเรียนแห่งนี้ปีละ 6-7 ล้านบาท จึงไม่ได้รบกวนผู้ปกครองมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองด้วยดีมาโดยตลอด ส่วนกรณีของข้อร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมเชิงชู้สาวของครูพละคนดังกล่าว ตนเองได้สอบถามครูหลายคน ก็ได้รับทราบว่าเป็นพฤติกรรมจากโรงเรียนเก่าที่ครูคนนี้เคยทำไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตามตนเองก็มองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ส่วนพฤติกรรมในปัจจุบันก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ถ้าพบว่ามาทำพฤติกรรมลักษณะนี้ในโรงเรียนนี้อีก ก็เอาไว้ไม่ได้แน่นอน ต้องมีการลงโทษสถานหนัก ไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน