xs
xsm
sm
md
lg

ฝุ่นพิษเชียงใหม่ไม่แผ่วยึดแถวหน้าอันดับโลก-ผู้ว่าฯ ยันทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง ลดพื้นที่ป่าถูกเผา 70%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ฝุ่นควันหนาทึบคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่แทบกลายเป็นปกติ ค่ามลพิษพุ่งไม่แผ่วยึดแถวหน้าเมืองคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกต่อเนื่อง เกินเกณฑ์มาตรฐานกระทบสุขภาพ ขณะที่ผู้ว่าฯ ยันทำหน้าที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง สามารถควบคุมการเกิดไฟ ลดพื้นที่เผาในป่าได้กว่า 70% แต่ปัญหามาจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (18 มี.ค. 67) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันไฟป่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่ามลพิษอากาศสูงเกินมาตรฐานจนอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่ย่างเข้าสู่เดือน มี.ค. 67 โดยเว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 196 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 142.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ขณะที่อันดับ 1 ได้แก่ เมืองเดลี ประเทศอินเดีย ดัชนีคุณภาพอากาศ 235 US AQI และอันดับ 2 เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน 220 US AQI


ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีของกรมควบคุมมลพิษที่ตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 88.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 91.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 72 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 60.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 121.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 88.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 214, 217, 192, 162, 247 และ 214 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100


ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างเต็มที่โดยไม่ขาดตกบกพร่อง โดยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 67 สามารถควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาในช่วงนั้นได้เกือบ 100% ทำให้ไม่เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่เดือน มี.ค. 67 พื้นที่เป้าหมายเปลี่ยนเป็นต้องควบคุมการเผาในพื้นที่ป่า ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ป่า 90% หรือเกือบ 12 ล้านไร่ มากที่สุดในประเทศ โดยสามารถควบคุมให้พื้นที่เผาลดลงได้ถึง 70% ทั้งป้องกันเการเกิดไฟไหม้และดับไฟให้เร็วที่สุด จึงทำให้ไม่เกิดฝุ่นควันซ้ำเติมกับฝุ่นควันข้ามแดนที่เข้ามาทำให้เกิดสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่ ส่วนที่มีผู้ถามว่าทำไมไม่ไปช่วยดับไฟนั้น เนื่องจากตนไม่ได้ฝึกและไม่มีทักษะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีในการอำนวยการและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ดับไฟสามารถทำงานได้อย่างไม่ติดขัด






กำลังโหลดความคิดเห็น