ราชบุรี - คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ลงรับฟังสภาพปัญหาและแลกเปลี่ยนความรู้กรณีปัญหาราคาปุ๋ยแพง ที่ส่งผลให้การบริหารจัดการมีต้นทุนที่สูงขึ้น
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอำเภอดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ราชบุรี เขต 2 ประชุมคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภคพร้อมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับปัญหาการกำหนดราคาปุ๋ย เพื่อรับฟังสภาพปัญหาและแลกเปลี่ยนความรู้กรณีปัญหาราคาปุ๋ยแพง ที่ส่งผลให้การบริหารจัดการมีต้นทุนที่สูงขึ้น อันเป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้บริโภค
โดยมีนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว น.ส.วริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดราชบุรี เขต 5 นายสุชัช สายกสิกร ผู้ใหญ่หมู่ที่ 1 ต.ดอนไผ่ และเกษตรกรชาวอำเภอดำเนินสะดวก เข้าร่วมรับฟังปัญหาวิกฤตอาหารในระดับโลกที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น จะทำให้เป็นโอกาสของเกษตรกรที่ปลูกพืช แต่ต้นทุนปุ๋ยเคมีทำให้เกษตรกรของประเทศจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากต้นทุนสูงขึ้น แต่ราคาในตลาดกลับไม่ได้ปรับขึ้นตามราคาของสินค้าอื่นๆ
โดยนายสุชัช สายกสิกร ตัวแทนเกษตรกร กล่าวถึงปัญหาเนื่องจากรายการลดราคาปุ๋ยช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีสูตรปุ๋ยที่ใช้กับไม้ผลพืชสวนและไม้ผลพืชไร่ เช่น ส้ม มะนาว องุ่น ฝรั่ง ชมพู่ มะพร้าว ทุเรียน เงาะ ลำไย โดยทั้งหมดนี้เป็นพืชที่ต้องการใช้ปุยปริมาณมากกว่าพืชไร่ เพื่อให้ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค และให้ทันกับช่วงราคาของผลผลิตที่เกษตรกรต้องการ
เพื่อให้คุ้มกับตันทุนที่ลงทุนในแต่ละครั้งของช่วงเก็บเกี่ยวจะมีการใช้ปุ๋ยเกือบตลอดทั้งปีของการผลิตไม้ผล จึงทำให้ใช้ปุ๋ยมากกว่าพืซไร่ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม และยางพารา ซึ่งพืชทั้ง 5 ชนิดนี้ใช้ปุ๋ยในปริมาณที่น้อยกว่าจึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า จึงขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานภาครัฐให้ช่วยลดราคาปุ๋ยทั้ง 2 กลุ่มนี้ให้เหมือนกัน
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาปุ๋ยแพง ด้วยนำนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง ประชาชนจะได้ใช้ปุ๋ยในราคาถูก โดยรัฐบาลจะเข้าไปอุดหนุน 50 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุนลดลง จะสามารถแก้ปัญหาเกษตรกรที่ปุ๋ยแพง ยกระดับคุณภาพชีวิต สามารถลดต้นทุนการผลิต จะทำให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น สร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปุ๋ยคนละครึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจะมีต้นทุนการผลิตที่ลดลง จะมีรายได้ที่สูงขึ้น และหลุดพ้นจากความยากจน อย่างยั่งยืน