บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เร่งสอบขยายผลหาตัวเจ้าของปืนที่นักเรียนชาย ม.3 ใช้ก่อเหตุยิงรุ่นพี่ ม.4 โรงเรียนเดียวกันสาหัส 2 คนเพื่อดำเนินคดี หลังเด็กรับไม่ได้ซื้อจากเน็ตตามที่อ้างแต่เอามาจากเพื่อน ก่อนคุมตัวส่งศาลเยาวชนฯ ขณะ รปภ.เผยนาทีน้อง นร.ที่บาดเจ็บวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ ด้าน ร.ร.เพิ่มมาตรการตรวจเข้ม
วันนี้ (7 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่นักเรียนชายชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม.ยิงนักเรียนชายรุ่นพี่ชั้น ม.4 ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน โดยคนหนึ่งถูกยิงที่ศีรษะด้านหลัง อีกคนโดนยิงขา และหน้าท้อง เหตุเกิดช่วงเที่ยงวานนี้ (6 มี.ค.) ขณะนัดเคลียร์ปัญหาคาใจกันภายในวัดชัยมงคล อ.หนองกี่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัวนักเรียนชายชั้น ม.3 ที่ก่อเหตุยิงรุ่นพี่ ม.4 บาดเจ็บ 2 คน ส่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ส่วนการสอบปากคำทั้งเด็กที่ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บก็ต้องมีการประสานทีมสหวิชาชีพเพื่อสอบปากคำตามกระบวนการอีกครั้ง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังเป็นเด็ก ซึ่งขณะนี้เด็กที่ถูกยิงศีรษะรักษาตัวที่ รพ.บุรีรัมย์ ส่วนเด็กที่ถูกยิงท้องและขารักษาตัวที่ รพ.นางรอง ทั้งสองอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ไกรราช ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.หนองกี่ กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แต่ทั้งสองฝ่ายยังเป็นเด็กก็ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนด้วยความละเอียดอ่อน ซึ่งเด็กผู้ก่อเหตุได้นำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือจะให้ควบคุมตัวไว้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ซึ่งการสอบปากคำต้องสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ
สำหรับชนวนการก่อเหตุ เบื้องต้นจากการสอบถามเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องเขม่นกันตามประสาวัยรุ่นที่อาจสะสมมานานจึงได้นัดเคลียร์กัน ก็คิดว่าอาจจะแค่ชกต่อยกัน แต่อีกฝ่ายมีปืนจึงก่อเหตุรุนแรงขึ้น ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ น้องยอมรับสารภาพแล้วว่าเอาปืนมาจากเพื่อนไม่ได้ซื้อจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งกรณีนี้ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลว่าปืนเป็นของเพื่อนคนไหน หรือเพื่อนเอามาจากผู้ปกครองคนใด ก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ข้อเท็จจริง หากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าปืนเป็นของใครต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนน้องนักเรียนที่ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปโรงเรียนที่เด็กทั้ง 3 คนเรียนอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย แต่ทางโรงเรียนก็มีมาตรการตรวจสอบเข้มงวด ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของครู บุคลากร รวมถึงผู้ปกครองที่จะเข้า-ออกโรงเรียน ส่วนรถจักรยานยนต์ของเด็กนักเรียนจะมีโรงจอดรถซึ่งอยู่ติดรั้วประตูทางเข้าให้จอดอยู่แล้ว ไม่อนุญาตให้ขับขี่เข้าไปด้านใน อีกทั้ง รปภ.และครูได้ตรวจเข้มนักเรียนที่จะเข้าภายในโรงเรียนอย่างเข้มงวดเช่นกัน โดยมีการสุ่มตรวจกระเป๋าของนักเรียนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำอาวุธทุกชนิดเข้าไปภายในโรงเรียนอย่างเด็ดขาด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนจอดรถไว้ข้างนอก และก่อเหตุนอกพื้นที่โรงเรียน
ขณะที่ รปภ.ประจำโรงเรียนเล่านาทีที่น้องนักเรียนที่โดนยิงขาและท้องได้รับบาดเจ็บวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือบอกว่าถูกยิงแต่ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าใครยิง แต่ก็บอกให้น้องที่บาดเจ็บเข้าไปในโรงเรียนก่อน แล้วรีบปิดประตูเพื่อความปลอดภัยเพราะตอนนั้นไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร แล้ว รีบแจ้งตำรวจ และ 1669 มาช่วยนำนักเรียนที่บาดเจ็บส่ง รพ. อย่างไรก็ตามก่อนที่นักเรียนคนดังกล่าววิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือตนได้ยินเสียงดัง 3 ครั้งแต่ตอนนั้นคิดว่าเป็นเสียงจุดประทัดไล่นก กระทั่งมารู้ทีหลังว่ามีเหตุยิงกัน แล้วคนที่ยิงก็เป็นนักเรียน
