เพชรบูรณ์ - ศรัทธาชาวบ้าน-ญาติโยม ฟันธง..หลวงปู่วัดป่าฯ หนองไผ่ถูกฆาตกรรม-เผา แต่ไฟไหม้ไม่หมด ก่อนนำส่วนศีรษะกับหัวไหล่และแขนซ้ายมาทิ้งกลางร่องรอยไฟไหม้ป่าหลังวัดอำพรางคดี เผยปมมีคนมายืมเงินไปกว่า 1 ล้านบาท
ความคืบหน้ากรณีหลวงปู่พูน ฐิตปุญโญ อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าเกษมสุข หมู่ 8 ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ มรณภาพปริศนา-ถูกไฟเผาไหม้เกือบทั้งร่างเหลือเพียงส่วนศีรษะ หัวไหล่ แขนซ้าย และร่างส่วนบนบางส่วน อยู่กลางป่าหลังวัด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ชาวบ้านส่วนหนึ่งคาดว่าหลวงปู่ถูกฆาตกรรมและเผาทำลายหลักฐาน-อำพรางคดี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื้อ ผกก.สภ.หนองไผ่ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองไผ่ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมทั้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เพชรบูรณ์ เพื่อบูรณาการคลี่คลายคดี แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตเองหรือถูกฆาตกรรม ซึ่งได้ส่งร่างของหลวงปู่ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ขณะที่พระโสภณ วชิรากร เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์และคณะสงฆ์ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เตรียมการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ และเบื้องต้นได้แต่งตั้งให้พระครูฉันทธรรมารักษ์ เจ้าคณะตำบลหนองไผ่ และตำบลเพชรละคร มารักษาการเจ้าอาวาสวัดเป็นการชั่วคราว
ด้านโยมคนสนิทที่จะมาขับรถพาหลวงปู่ไปบิณฑบาตในวันเกิดเหตุเปิดเผยว่า ขี่รถจักรยานยนต์มาเพื่อที่จะขับรถสามล้อพาหลวงปู่ไปบิณฑบาตภายในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงซึ่งตามปกติแล้วหลวงปู่จะมานั่งรออยู่หน้าศาลา แต่วันเกิดเหตุไม่เห็น จึงเดินไปเรียกที่หน้าห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ และในขณะนั้นตนได้ยินเสียงเหมือนไฟไหม้อยู่หลังวัดจึงออกไปดูพบว่าไฟกำลังไหม้ป่าหลังวัด ก็รีบขี่รถจักรยานยนต์ไปแจ้งรถดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟ
หลังจากไฟดับแล้วก็มาเรียกหลวงปู่อีก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ตนจึงเปิดประตูเข้าไปดูแต่ก็ไม่พบใครอยู่ในห้อง จึงออกเดินตามหาซึ่งก็ไม่เจอ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ให้ช่วยประกาศให้ชาวบ้านมาช่วยกันตามหา กระทั่งพบว่ากลายเป็นศพถูกไฟไหม้อยู่กลางป่า ส่วนสาเหตุก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกไฟไหม้เองหรือถูกฆาตกรรม
นางสาวดวงพร สวัสดี อายุ 41 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน และเชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมแล้วเผาจากที่อื่นแล้วศพไหม้ไม่หมดจากนั้นก็นำมาทิ้งไว้ตรงที่พบศพเพื่อเป็นการอำพรางว่าถูกไฟป่าไหม้ ซึ่งตามปกติแล้วหากไหม้ตรงจุดเกิดเหตุจะต้องมีกองเศษเถ้าถ่านมากพอสมควร เพราะหลวงปู่เป็นคนที่มีร่างกายค่อนข้างใหญ่ ถ้าไฟจะไหม้ขนาดนี้ต้องใช้ฟืนหรือถ่านจำนวนมากอย่างแน่นอน
และจากกรณีที่มีคนบอกว่าไฟไหม้ป่าหลังวัดแล้วไปเรียกรถดับเพลิงมาดับนั้นตนสังเกตว่าไม่มีร่องรอยของน้ำที่ใช้ดับไฟเลย หากรถดับเพลิงมาดับน่าจะต้องทิ้งร่องรอยของรถหรือร่องรอยการดับไฟไว้เพราะระยะเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงน้ำไม่น่าจะแห้งไปจนหมด
นายไพยุทธ มั่นบ่อแก อายุ 77 ปี เป็นไวยาวัจกรวัดข้างเคียง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าคนร้ายจะต้องนำตัวหลวงปู่ไปฆ่าและเผาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งไว้ในป่าหลังวัด เพราะดูจากสภาพเศษเถ้าถ่านแล้วเป็นร่องรอยการเผาไหม้เก่าหลายวันแล้ว จุดที่พบร่างหลวงปู่ก็แทบจะไม่มีกองขี้เถ้าเลย เพราะหากเผาร่างหลวงปู่ตรงนี้จริงก็จะต้องมีกองขี้เถ้าเป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นตนมีความสงสัยบางคนแต่ก็ยังบอกไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มายืมเงินหลวงปู่ไปเกือบ 1 ล้านบาท
ล่าสุดโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ได้ชันสูตรร่างหลวงปู่เสร็จเรียบร้อย และได้ทำการส่งมอบร่างให้คณะสงฆ์นำกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดท่ามกลางความโศกเศร้าของคณะศิษยานุศิษย์
ด้านพล.ต.ต สารนัย คงเมือง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทิ้งทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในที่เกิดเหตุก็บอกอะไรได้หลายอย่าง ส่วนศพที่ส่งชันสูตรได้รับกลับมาแล้ว และได้คุยกับทางแพทย์ในเบื้องต้นทราบว่าพบคราบเขม่าในปอด หัวกะโหลกไม่พบร่องรอยบาดแผลจากของมีคม แต่ก็ไม่ได้ตัดทุกประเด็นทิ้ง เพราะหลายสิ่งหลายอย่างต้องรอการตรวจอย่างละเอียดทางวิทยาศาสตร์
“ที่ชาวบ้านพูดในทุกเรื่องเราก็เก็บมาเป็นประเด็นในการตรวจสอบ ทุกตัวละครต้องมีการตรวจสอบความเกี่ยวข้องเพื่อพิสูจน์ตัวตน ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่าหลวงปู่ถูกฆ่าจากที่อื่นแต่นำศพมาทิ้งจุดนี้ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะการที่นิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าพบเขม่าในหลอดลมและปอด แสดงว่าจะต้องเสียชีวิตในกองไฟ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะที่มาที่ไปของไฟว่ามาได้อย่างไร เพราะจุดที่เจอศพพบมีไฟไหม้มากที่สุดบนพื้นที่3-4 ไร่”
