ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วัย 74 ปี ใช้อาวุธปืนระเบิดสมองตัวเองเจ็บสาหัส เพื่อนบ้านบอกอาศัยอยู่กับภรรยาเพียง 2 คน ช่วงหลังป่วยหลายโรคจนไม่สุงสิงกับใคร ด้าน ตร.คาดแรงจูงใจจากความเครียดหลายโรครุมเร้า
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (28 ก.พ.) ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงตัวเองภายในบ้านเลขที่ 202/21-22 ซอยเพนียดช้าง 10 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ทราบก่อนประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ร่วมเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ
พบที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮมชั้นเดียว โดยมีร่าง นายสายันต์ พิมพ์พาพ์ อายุ 74 ปี เจ้าของบ้านนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ภายในห้องนอน โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวา กระสุนตุงอยู่ที่หน้าผากเหนือคิ้วด้านซ้าย หายใจโรยริน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเมืองพัทยา
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก และยังมีกระสุนขนาด .38 บรรจุอยู่ในลูกโม่อีก 5 นัด ซึ่งกระสุนทั้งหมดที่พบเป็นกระสุนลูกซ้อมชนิดหัวตะกั่ว ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.ปอย (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงปืน แต่มารู้อีกทีเมื่อมีรถพยาบาลวิ่งเข้ามารับตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ บ้านหลังเกิดเหตุมีคนพักอาศัยเป็น 2 ตายาย ซึ่งผู้เป็นตาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและบ้านเช่า แต่ทราบภายหลังว่าป่วยหลายโรค และยังมีอาการหลงๆ ลืมๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร กระทั่งสุดท้ายก่อเหตุยิงตัวเองดังกล่าว
เช่นเดียวกับ นายพงษ์ (นามสมมติ) คนขับรถของผู้ได้รับบาดเจ็บกล่าสว่า ผู้บาดเจ็บทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และรับจำนองบ้านและที่ดิน แต่ในช่วงหลังมีอาการป่วยหลายโรค โดยเฉพาะโรคอัลไซเมอร์และไบโพลาร์ และเคยบ่นว่าจะฆ่าตัวตายมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2553 แต่ทุกคนในบ้านกพยายามดูแลมาโดยตลอด
“เมื่อ 3 เดือนก่อนคนเจ็บได้แอบทำรูปตั้งหน้าศพไว้ที่ร้านถ่ายรูปแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ทำให้ลูกบุญธรรม และกลุ่มญาติๆ พยายามเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ก่อนจะมาแอบก่อเหตุดังกล่าว” คนขับรถผู้บาดเจ็บ กล่าว
ขณะที่ ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา เผยว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บอาวุธปืนไปตรวจสอบ รวมถึงได้ทำการสอบปากคำพยานบุคคลที่ใกล้ชิดกับคนเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากอาการเครียดจากโรคที่รุมเร้าจึงทำให้ผู้ก่อเหตุกระทำการดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบปากคำพยานอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป