ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยาเตรียมสรรหาเอกชนรายใหม่ร่วมแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำจืดบนเกาะล้าน ตั้งความหวังผลิตให้ได้ 3,000 ลบ.ม.ต่อวัน ป้อนความต้องการ หลัง อีสวอเตอร์ใกล้หมดอายุสัมปทานกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในเดือน ก.ย.ปีนี้
วันนี้ (16 ก.พ.) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา เผยถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคบนพื้นที่เกาะล้าน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดยื้อมานานว่า ในวันนี้ เมืองพัทยามีแนวคิดในการบริหารโรงกรองใหม่ภายใต้การร่วมทุนแบบ PPP ระหว่างรัฐกับเอกชน และจะขยายกำลังการผลิตน้ำให้ได้ 1,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่ขณะนี้มีมากกว่า 2,000-3,000 ลบ.ม.ต่อวัน
โดยที่ผ่านมา เมืองพัทยาได้ให้สัมปทานกับ บริษัท อีสวอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในการผลิตน้ำจืด โดยใช้ระบบ Reverse Osmosis เพื่อกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืดส่งผ่านระบบท่อเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนและผู้ประกอบการบนพื้นที่เกาะล้านมานานกว่า 10 ปี และในเดือน ก.ย.2567 นี้ จะหมดสัญญาสัมปทาน ซึ่งอีสวอเตอร์ ต้องส่งมอบโรงกรองและอุปกรณ์ทั้งหมดให้แก่เมืองพัทยา
รองนายกเมืองพัทยา ยังเผยอีกว่า ที่ผ่านมา อีสวอเตอร์มีปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืดที่ทำได้เพียงวันละ 300 ลบ.ม.ต่อวัน จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการบนเกาะที่เพิ่มขึ้นถึง 2,000-3,000 ลบ.ม.ต่อวัน จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพื้นที่ในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีมากเฉลี่ยวันละ 10,000 คน
และที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวทั้งรีสอร์ต โฮมสเตย์ และร้านอาหารที่มีมากกว่า 3,000 รายต้องประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก จนต้องสั่งซื้อน้ำจากฝั่งที่มีอัตราค่าบริการ 200 บาทต่อ ลบ.ม. สูงกว่าราคาปกติเกือบ 100%
“แม้อีสวอเตอร์จะมีแผนเพิ่มกำลังผลิตน้ำจืดขึ้นอีก 100 ลบ.ม.ต่อวันแต่ยังไม่ถึงเป้าหมายของการใช้น้ำบนเกาะ ด้วยเหตุนี้ เมืองพัทยา จึงมีแนวคิดใหม่ในการเพิ่มกำลังผลิตน้ำจืดให้เพียงพอต่อความต้องการ” รองนายกเมืองพัทยา กล่าว