ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยโคราช โต้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้เอสเอ็มอีไม่ตรงจุด จี้ต้องปลดล็อกแบล็กลิสต์เครดิตบูโรให้คนตัวเล็กก่อนพร้อมทำการตลาดช่วย เชื่อช่วยฉุดเอสเอ็มอี ติดหนี้ NPL ให้ลุกขึ้นและเดินต่อได้
วันนี้ (16 ก.พ.) นายวรพล บวรลัทธพล ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์สะท้อนปัญหาเรื่องการแก้หนี้นอกระบบให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือ เอสเอ็มอี ว่า การแก้หนี้นอกระบบที่รัฐบาลกำลังเร่งให้ทุกจังหวัดดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ยังเข้าไม่ถึงปัญหาชาวบ้านจริงๆ เพราะชาวบ้านรายย่อยที่เป็นหนี้นอกระบบ นั้นจะมีปัญหาติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร เป็นหนี้เสีย ไม่ชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ทำให้ขอสินเชื่อเพิ่มไม่ได้ และเข้าไม่ถึงสินเชื่อของสถาบันการเงิน
ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นต้องการเงินมาหมุนเวียน เพราะปากท้องไม่มีจะกิน ก็ต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่โควิด- 19 ระบาด ทำให้ธุรกิจทรุด แบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว หลายรายต้องปิดกิจการ พอมาเจอปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันอีก จึงลืมลืมตาอ้าปากและลุกขึ้นไม่ได้ ถ้ารัฐบาลจะช่วยให้ตรงจุด ต้องแก้ที่แบล็กลิสต์เครดิตบูโรก่อน เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดฯ กว่า 90 % ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรกันหมด ก้าวต่อไม่ได้ รัฐบาลจึงควรอะลุ่มอล่วยคลายล็อกหนี้มีปัญหาเครดิตบูโรให้กับผู้ประกอบการตัวเล็กที่เป็นหนี้ไม่มากก่อน เพื่อให้มีเงินมาหมุนเวียนทำธุรกิจหรือประกอบอาชีพ จะได้มีรายได้มาใช้จ่ายและใช้หนี้ได้
ที่ผ่านมา แม้จะมีการพักชำระหนี้และชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แต่ผลที่ออกมายังไม่น่าพอใจ เพราะผู้ประกอบการฯ ยังติดบัญชีหนี้เสีย (NPL) ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรอยู่ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจึงไม่เห็นผล เหมือนเป็นแค่นโยบายลอยๆ คล้ายกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ตอนหาเสียงไม่ได้บอกว่าจะต้องไปกู้ยืมเงินมา แต่ภายหลังกลับบอกว่า ต้องกู้เงินจำนวนมากมาขับเคลื่อน ตนจึงรู้สึกไม่เชื่อมั่นในนโยบายเหล่านี้
ดังนั้นหากรัฐบาลจะช่วยรายย่อยให้ลืมตาอ้าปากได้ ต้องช่วยคลายล็อกเครดิตบูโรให้ก่อน อย่างเช่น ถ้าลูกหนี้ของสถาบันการเงินเป็นสมาชิกของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. หรือเป็นสมาชิกของสมาพันธ์เอสเอ็มอี ที่ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้อง ควรจะปลดล็อคแบล็กลิสต์เครดิตบูโรให้ โดยดูวินัยทางการเงินของแต่ละรายประกอบ ถ้าลูกหนี้ผ่อนใช้หนี้เก่าๆ หมดแล้ว ก็ควรปลดล็อกให้ จะได้สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินก้อนใหม่ได้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจเล็กๆ หาเลี้ยงชีพต่อไปได้
รวมถึง คนตัวเล็กๆ ที่เป็นหนี้นอกระบบไม่เกิน 1 แสนบาทด้วย ควรจะปล่อยสินเชื่อให้กู้ได้ โดยไม่ต้องติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร ซึ่งอาจวางแนวทางปฏิบัติ เช่น ลงภาคทัณฑ์เอาไว้ก่อนเพื่อคลายแบล็กลิสต์เครดิตบูโรให้ และตั้งเงื่อนไขการชำระเงินให้เหมาะสม เพื่อดูวินัยของผู้กู้ หากภายหลังพบว่า ผู้กู้ยังปล่อยให้เป็นหนี้เสียอีก ไม่มีวินัย ค่อยขึ้นบัญชีติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรตลอดชีวิต เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้ตรงจุดมากกว่า
นายวรพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวและหาตลาดให้กับเอสเอ็มอี ก็มีความสำคัญอย่างมาก ต้องจัดกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน เปิดพื้นที่ในแต่ละอำเภอให้เอสเอ็มอีได้นำสินค้าไปวางขายได้ฟรี หรืออาจผลักดันงบประมาณผ่านทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ให้จัดกิจกรรมกระตุ้นในแต่ละพื้นที่ ให้มีการผลิตหรือซื้อมาแล้วขายออกไป เม็ดเงินจะได้หมุนเวียนมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจะต้องเป็นเซลแมนที่แท้จริงและเป็นนายหน้าตัวจริง เปิดรับผลิตภัณฑ์จากชาวบ้านที่เป็นหนี้ นำสินค้าไปจำหน่าย ประชาสัมพันธ์เปิดตลาดให้ รัฐบาลต้องเป็นคนขายและทำการตลาดให้ชัดเจน ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดเท่านั้น ต้องช่วยส่งเสริมการขาย ให้ผู้ประกอบการตัวเล็กๆ ที่ยังเป็นหนี้ NPL สามารถก้าวต่อไปได้
รวมทั้ง ช่วยผลักดันกระจายสินค้าให้หมุนเวียนไปแต่ละภาค นำส่งสินค้าไทยออกไปจำหน่ายที่ต่างประเทศให้มากขึ้น นำสินค้ามาขาย เชิญต่างชาติเข้ามาดูมาซื้อมาช่วยกระจายสินค้า เพราะสินค้าหลายชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน มักจะมีวางขายเกือบทุกจังหวัด เช่น กล้วยฉาบ น้ำพริก หรือสินค้าของดีอื่นๆ ถ้าขายกันเองในประเทศจะขายไม่ค่อยได้ ก็ต้องส่งไปขายต่างประเทศ เพราะต่างชาติยังมีความต้องการสินค้าไทยอยู่
จึงอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เรื่องการแก้หนี้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะแก้ให้ตรงจุด ต้องคลายล็อกหนี้ที่มีปัญหาเครดิตบูโรก่อน หรือพักหนี้ที่เป็นปัญหาเครดิตบูโร โดยภาคทัณฑ์ไว้ เพื่อให้โอกาสผู้ประกอบการรายเล็กได้ลุกขึ้นยืนตั้งตัวสัก 3 ปี เป็นการทดสอบวินัยผู้ประกอบการ ถ้า 3 ปียังไม่มีวินัย จะกาหัวให้ติดเครติดบูโรตลอดชีวิต หรือ กำหนดมาตรการลงโทษอย่างไรก็ว่ากันต่อไป รัฐบาลต้องแก้ปัญหาและช่วยให้ถูกทาง นายวรพล กล่าวในตอนท้าย