เพชรบูรณ์ – อุทาหรณ์ทาสยาเสพติด..หนุ่มหล่มสักถูกส่งบำบัดถ้ำกระบอกหลายเดือน กลับมาติดต่อเพื่อนเก่าหวนเสพอีกครั้ง คราวนี้เกิดหลอน-คลุ้มคลั่งทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้าจนต้องเผ่นจากบ้านไม่พอ ทุบทำลายทรัพย์สินทั้งใน-นอกบ้านพังยับ ตร.-กู้ภัยฯต้องรุมจับกันกลางดีก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาด ทำร้ายพ่อและทำลายทรัพย์สินภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บ้านโสก อ.หล่มสัก จ.เพชรบรณ์ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.เศษที่ผ่านมา (9 กงพ.67) ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าระงับเหตุ
หลังจากได้รับแจ้ง ร.ต.ท.สมภูมิ ทองพัฒนภูมิ ร้อยเวร 20 สายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยกำลังจากอาสาสมัครร่วมกตัญญูหล่มสัก รวมกว่า 15 นาย เร่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกับผู้แจ้งเหตุ เพื่อนบ้าน และผู้นำชุมชนที่ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ที่ทรัพย์สินโดยรอบและภายในตัวบ้านได้รับความเสียหายยับเยิน กระจกหน้าบ้านแตกมีเศษกระจกตกกระจายเกลื่อนกลาด ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือนายพันธมิตร อายุ 29 ปี คลุ้มคลั่งอาละวาดเอะอะโวยวายอยู่ในบ้าน รวมทั้งมีอาวุธอยู่ด้วย
เบื้องต้นทราบว่า นายพันธมิตรผู้ก่อเหตุมีประวัติการเสพยาเสพติด (ยาบ้า) อาศัยในบ้านหลังนี้กับพ่อเพียง 2 คน บางครั้งก็จะมีแฟนของนายพันธมิตรมาอยู่ด้วยบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้นายพันธมิตรได้ไปรักษาบำบัดตัวที่ถ้ำกระบอกหลายเดือน และเพิ่งกลับมาบ้านได้เพียง 3 วันเท่านั้น (กลับมาวันที่ 6 ก.พ.67) แล้วก็ติดต่อหาเพื่อนในหมู่บ้านจนกลับมาใช้สารเสพติดเช่นเคย
ครั้งนี้ผู้ก่อเหตุเสพเข้าไปปริมาณมาก ประมาณ 10 เม็ด จึงได้คลุ้มคลั่งขึ้นมาแบบรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยก่อเหตุมา และได้ทำร้ายพ่อแท้ๆที่อาศัยในบ้านเดียวกัน โดยการต่อยไปที่ใบหน้า พ่อของนายพันธมิตรฯ สู้ไม่ไหวจึงได้วิ่งหนีออกมาทางประตูหลังบ้าน แต่นายพันธมิตรยังไม่ยอมหยุด ยังคงเอะอะโวยวายอยู่ในบ้าน
เจ้าหน้าที่เริ่มทำการปิดล้อมบ้านและกระชับพื้นที่ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัย อาศัยจังหวะเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้โดยละม่อมในห้องน้ำ และทำการรัดตรึงนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลหล่มสัก ในสภาพที่ยังเอะอะโวยวายอยู่ ซึ่งในเวลาต่อนายพันธมิตร ก็ได้ตื่นและมีสติขึ้น พูดคุยรู้เรื่องและร้องไห้เสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในอาการเบลอๆ และมึนงงสับสน ค่อยๆซึมลง และนอนหลับพักผ่อนไปในที่สุดจากฤทธิ์ของยา
ทางด้านพ่อของนายพันธมิตร กล่าวว่าไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับลูก ก็อยากให้ลูกชายได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ และกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติพ่อลูก ก็จะส่งรักษาเยียวยาให้ดีที่สุดและถึงที่สุด และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาช่วยระงับเหตุในครั้งนี้ไว้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุรุนแรงมากกว่านี้ก็เป็นไป