เพชรบูรณ์ – ศปป.4 กอ.รมน. เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ภูขี้ไก่ ลงพื้นที่ติดตามการเพิกถอนโฉนด 107 แปลง หลังอธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอน-ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษนายทุน/ผู้บุกรุก 4 ราย พร้อมเร่งบูรณาการหลายหน่วยงานฟื้นฟูสภาพผืนป่า
วันนี้(9 ก.พ.67) พล.ท.จิรวัฒน์ พันธ์สวัสดิ์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน.เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม(ทส.), นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบูรณ์, ชุดพยัคฆ์ไพร, สจป.4 สาขาพิษณุโลก, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กอ.รมน.ภาค 3, กอ.รมน.จังหวัด เพชรบูรณ์, ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์, ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์, ปปช.จังหวัดเพชรบูรณ์, เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหล่มเก่า และเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหล่มสัก, อบต.หล่มเก่า, อบต.ท่าอิบุญ และศปป.4 กอ.รมน. ที่ห้องประชุมขั้น 2 ที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ "ป่าภูขี้ไก่" พื้นที่ป่าลุ่มน้ำ 1B อยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดิน ได้มีคำสั่งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ตามมาตรา 61 ในประมวลกฎหมายที่ดิน รวม 107 แปลง เนื้อที่ 3,574 ไร่ แบ่งเป็น 2 พื้นที่ ดังนี้ วันที่ 17 มกราคม 2562 เพิกถอนโฉนด 57 แปลง เนื้อที่ 2,195 ไร่ , วันที่ 2 ธันวาคม 2562 เพิกถอนโฉนด 50 แปลง เนื้อที่ 1,379 ไร่ ขณะเดียวกันในการดำเนินคดีกับนายทุนและผู้บุกรุกรวม 4 รายได้สิ้นสุด ศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษเป็นเรียบร้อยแล้ว
การประชุมใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงสรุปเสร็จสิ้น จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะ พล.ท.จิรวัฒน์ พันธ์สวัสดิ์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ตรวจยึดป่าภูขี้ไก่ โดยมี พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กร.รมน. นำตรวจสอบพร้อมชี้แจงถึงแนวเขตพื้นที่บริเวณป่าภูขี้ไก่ ที่ถูกนายทุนบุกรุกยึดครอง
พบสภาพปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม มีพงหญ้าขึ้นรก มีอาคารคอนกรีตและบ้านพักซึ่งก่อสร้างก่อนถูกเพิกถอนโฉนด นอกจาดนี้ใรพื้นที่เพิกถอนดังกล่าว ยังมีการติดตั้งป้ายประกาศแจ้งพื้นที่ถูกเพิกถอนโฉนด ที่ดินตามคำสั่งกรมที่ดิน พร้อมแจ้งห้ามบุกรุก ก่อสร้าง ครอบครองพื้นที่ดินถูกเพิกถอนโฉนดดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งถึงปฏิบัติการพิทักษ์ภูขี้ไก่ ทำให้ได้พื้นที่ป่าต้นน้ำมาบริหารจัดการฟื้นฟูใน 2 ส่วน ได้แก่ 1.จากการเพิกถอนโฉนด 3,574 ไร่ 2.พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมนอกพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดิน 4,032 ไร่ รวมแล้วประมาณ 7,606 ไร่
ในขั้นต้นจะแบ่งพื้นที่ให้ชุมชนดำเนินการ 3 แปลง เนื้อที่ 298 ไร่ โดย ศปป.4 กอ.รมน.จะบูรณาการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ดังนี้
1. การดำเนินการกับผู้ยังคงพักอาศัยหรือครอบครองทำกินในพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดิน จะเริ่มจากการแจ้งเตือนเพื่อให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือออกจากพื้นที่ด้วยความสมัครใจ แต่หากดื้อดึงฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย
2. บริเวณพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดินและป่าเสื่อมโทรมข้างเคียง ควรได้รับการฟื้นฟูและคุ้มครองโดยเร็ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขา ที่ไม่เหมาะสมต่อการทำการเกษตร อีกทั้งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำป่าสัก, ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำป่าสักฝั่งซ้าย และป่าไม้ถาวรป่าหมายเลข 10 ซึ่งการฟื้นฟูคุ้มครองจะส่งผลดีต่อระบบนิเวศโดยรวม สำหรับพื้นที่เพิกถอนโฉนดซึ่งกระจายเป็นแปลงเล็กแปลงน้อยจะให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมดูแลในรูปป่าชุมชน
3. ในพื้นที่ติดต่อกัน ศปป.4 กอ.รมน.,กรมป่าไม้ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างดำเนินการทวงคืนจากกลุ่มทุนอีกประมาณ 5-6 พันไร่ เพื่อนำมาฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป
4. ขอความร่วมมือสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนทั่วไปได้รับทราบว่า พื้นที่บริเวณนี้ได้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงซื้อขายที่ดินที่ไม่ถูกกฎหมายอีกต่อไป