xs
xsm
sm
md
lg

กัน จอมพลังรุดช่วยแม่วัย 67 ชาวอุดรฯ ถูกลูกสาว-ลูกเขยทำร้ายจนปูดบวม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุดรธานี - กัน จอมพลัง บุกอุดรฯ พาแม่ร้องตำรวจถูกลูกสาว-ลูกเขยทำร้ายหน้าบวมปูด เบื้องต้นกัน จอมพลังช่วยค่าเช่าบ้านให้แม่แยกอยู่กับลูกกลัวถูกทำร้ายซ้ำ ด้านลูกสาวยกมือขอโทษ ยอมรับที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจเป็นความผิดตัวเอง


สืบเนื่องจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ ผ่านมา นางพิสมัย ศรีสุนาครัว อายุ 67 ปี ชาวอุดรธานี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.เปรม เตรียมตัว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอให้ดำเนินคดีลูกสาว (นางสาวณัฐวรรณ ชวรุ่ง) อายุ 35 ปี และลูกเขย นายประชา ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ได้ร่วมกันใช้กำลังตบตีชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 67) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง ได้พานางพิสมัย ศรีสุนาครัว อายุ 67 ปี ชาวอุดรธานี ซึ่งร่างกายยังบอบช้ำมีใบหน้าที่ปูดบวมเขียวช้ำ เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดี โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ร่วมรับฟังปัญหา ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีแล้ว

เสร็จจากนั้น กัน จอมพลังและทีมงานพร้อมกับเจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี ได้พานางพิสมัยไปส่งที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งที่นางพิสมัยและเพื่อนเช่าไว้เพื่อให้อยู่ชั่วคราวเพื่อหนีลูกสาวและลูกเขย ทั้งนี้ กัน จอมพลังได้ช่วยเหลือโดยจ่ายเงินค่าเช่าห้องให้ 1 เดือน และมอบเงินสดให้ไว้ใช้อีกจำนวนหนึ่ง และรับปากจะช่วยเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด


กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนประสานขอความช่วยเหลือจึงรีบเดินทางมาทันที โดยทางผู้เสียหายแจ้งว่า ลูกเขยกับลูกสาวเป็นคนกระทำ ซึ่งดูจากสภาพแล้วคุณยายมีใบหน้าที่เขียวช้ำ เท่าที่สอบถามตอนนี้คุณยายบอกว่าให้ที่ดินลูกสาวปลูกบ้าน ส่งลูกเขยเรียน ทุกคนถึงฝั่งประสบความสำเร็จ แต่พอลูกสาวทะเลาะมีปากเสียงกับยาย ลูกสาวกลับเรียกลูกเขยมาทำร้าย และตอนนี้คุณยายประสงค์ที่จะได้ที่ทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดินจากลูกสาวคืน กรณีนี้ทนายกำลังดำเนินการในส่วนของการฟ้องร้องให้ ส่วนคดีความทางผู้กำกับการก็รับเรื่องและรับปากว่าจะเร่งคดีนี้ให้เร็วที่สุด ฝากบอกลูกสาวอย่ารักผัวมากไป หรือผัวอย่าเชื่อภรรยามาก คุณยายตัวคนเดียวจะไปอยู่กับใคร พวกคุณทำมาหากินได้ก็ไม่ใช่เพราะคุณยายหรือ

ด้านทนายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิตะ บอกว่า ในส่วนเรื่องคดีความทางคุณแม่อยากได้ที่คืนนั้น กรณีนี้เป็นทรัพย์สินที่มารดาให้แก่บุตร หากว่าตัวลูกหรือลูกเขยร่วมกันทำร้ายร่างกาย หรือด่าทอรุนแรง หากข้อเท็จจริงปรากฏแบบนั้น ลักษณะนี้กฎหมายสามารถเพิกถอนการให้โดยเนรคุณได้

นางพิสมัยเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุนั้นตนดื่มนั่งเล่นอยู่ที่บริเวณห้องโถงในบ้าน จากนั้นลูกสาวกำลังจะเดินออกไปข้างนอก ลูกสาวก็พูดอะไรสักอย่างและบอกให้ลูกเขยออกมา พอลูกเขยออกมาก็พูดบอกว่ามึงดูถูกกูแล้วก็มีขวดเบียร์ขว้างเข้าที่ฝาผนัง ลูกเขยก็ถีบโต๊ะตนก็ถีบโต๊ะจากนั้นก็ชกต่อยชุลมุนกันตอนนั้นตนก็ล้มแล้วก็นอนหงายลูกเขยก็เลยนั่งค่อมตน ตนก็พยายามจะดิ้นเพื่อหนีแต่ก็ดิ้นออกไม่ได้ดิ้นไม่หลุด

ลูกเขยก็บอกว่าจะตบให้ตาแตก ตาบอดเลย พูดไม่ทันขาดคำก็ตบซ้ายตบขวาตบจนไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนั้นลูกสาวก็เห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่มาช่วยอะไร หนำซ้ำลูกสาวก็ยังช่วยมาทำร้ายร่างกายตนอีก พอทำร้ายร่างกายตนเสร็จ เขาก็ออกไปหนีออกไปเลย ตนตั้งสติได้ก็ไปขอความช่วยเหลือ


สำหรับปมปัญหานั้นเกิดนานมาแล้ว ตนเคยพูดเคยบอกกับลูกสาวว่า ลูกเขยคนนี้ถ้ามึงไม่มีบ้านไม่มีที่แบบนี้คงไม่มาอยู่กับมึง ลูกสาวก็ไปฟ้องสามี ลูกเขยคงจำฝังใจ

ทุกๆ ครั้งที่ลูกสาวเมาก็จะชอบไล่ตนออกจากบ้านหาว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านมัน จริงแล้วบ้านหลังนี้ลูกสาวเป็นคนสร้าง โดยเอาที่ดินของตนที่ซื้อไว้ไปเข้าธนาคารแล้วเอาเงินออกมาสร้างบ้าน ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตนเป็นคนถือว่ามีฐานะคนหนึ่ง มีครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ได้หย่าร้างกับสามีกันไปเมื่อ 15 ปีก่อน มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย ส่วนคนเล็กเป็นผู้หญิง ตอนมีเงินลูกอยากได้อะไรก็ซื้อให้ ส่งเสียจนเรียนจบสูงๆ เงินหมดลูกสาวก็เปลี่ยนไป
ส่วนเหตุผลที่ลูกสาวชอบไล่ออกจากบ้านนั้นคิดว่าเพราะอยากให้เอาครอบครัวของลูกเขยเข้ามาอยู่แทน หรืออาจจะอยู่ด้วยกันสองคน ก่อนหน้านี้พี่ชายคนโตก็อยู่ด้วยก็เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับน้องสาวคนนี้ น้องสาวก็จ้างพี่ชาย 50,000 บาทให้ไปอยู่ที่อื่น

ตอนนี้ตนจะไม่กลับไปอยู่บ้านหลังนั้นและอยากจะได้ที่ดินตรงนั้นคืน ส่วนลูกสาวนั้นตนไม่ห่วงแล้วหากจะมาขอโทษกราบเท้าก็ไม่ยอมเพราะว่ามันเป็นนิสัยแบบนี้หลายครั้งแล้ว ถ้าทำขนาดนี้ก็ไม่ใช่แม่ลูกกันแล้ว หากตายไปก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน ตายไปก็ไม่รู้จะตกนรกขุมไหน ทำกับแม่ได้แบบนี้

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพบลูกสาวกับลูกเขยที่บ้านพักแห่งหนึ่ง โดยทั้งสองคนเล่าให้ทีมข่าวเราฟังว่า "เหตุการณ์วันที่ 31 ม.ค. 67 ที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเหตุการณ์ตอบโต้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ตอนแรกแม่ให้ไปซื้อเบียร์มาให้ดื่ม 2 ขวด พอผ่านไป 1 ชม.แม่ให้ไปซื้อเบียร์อีก 2 ขวด หนูยอมรับทำงานมาแล้วก็เหนื่อย หนูก็พูดกับแม่ว่า เวลาจะพูดอะไร หรือจะใช้อะไร ขอให้พูดดีกับลูกหน่อย แม่ก็เริ่มมีอารมณ์และพูดถึงเรื่องเก่า ทวงบุญคุณอ้างว่าไม่เลี้ยงแม่ และแม่อ้างว่าบ้านหลังนี้แม่เป็นคนซื้อ กูจะขายตอนไหนก็ได้


ตอนนั้นอารมณ์หนูก็ขึ้น เริ่มมีปากมีเสียง แม่ก็พูดย้ำเรื่องเก่าๆ ทวงบุญคุณว่าแม่หามาเท่าไหร่ก็ให้หนูหมด ต่างคนต่างโมโห หนูยอมรับหนูขว้างขวดเบียร์ใส่ หนูไม่ได้ตั้งใจ อยากให้แม่เงียบ จากนั้นแม่จับขวดเบียร์มาหาหนู ขวดที่แตกเป็นปากฉลามมาโดนแขน ก็เรียกแฟนมาดู แม่ก็พยายามเดินมาหา ไม่รู้ว่าหัวแม่ไปโดนอะไร ก็เห็นแม่ล้มลงพื้น อาจจะเกิดจากการชุลมุนทำร้ายกันไปมา

ส่วนที่แม่บอกว่าซื้อข้าวมาแล้วพากันไปกินในห้อง เราก็เคยซื้อมาให้ แต่แม่บอกว่า ซื้อมาทำไม ซื้อมาไม่ถูกปาก เอาเงินมาให้แม่จะดีกว่า เวลาเราไปทำงานเราก็เอาเงินให้แม่ ส่วนที่แม่ย้ายไปอยู่ห้องเช่าด้านนอก แม่เชื่อคนนอกเกินไป ไม่มาสอบถามเรื่องราวกับหนู ถ้าแม่อยากได้ที่ดินคืน หนูยอมพร้อมให้แม่คืนทุกอย่าง แต่ถ้าแม่ยอมให้อภัย ให้หนูไปกราบเท้าก็พร้อมยอม และอยากอธิบายและไม่อยากให้คนอื่นที่เป็นคนนอกมายุ่งเรื่องของครอบครัวของพวกเรา"

ขณะที่นายบาสยืนยันไม่ได้ตบแม่ยายอย่างที่แม่ยายบอก แม่ดื่มเบียร์หนัก และด่าพวกตน พวกชาติหมา ตนก็ขึ้นคร่อมแม่เอาไว้ บอกให้แม่หยุด แต่แม่ก็ไม่ยอมหยุด ตอนนั้นก็เห็นภรรยาและแม่ชุลมุนกัน เห็นมือภรรยามีเลือดไหลไม่หยุด ก็พาภรรยาไปล้างเลือด ที่ผ่านมาก็มีปัญหากับแม่มาตลอด ภรรยาเคยถูกพี่ชายทำร้ายร่างกาย จนภรรยาให้เงินและรถมอเตอร์ไซค์ไปอีกคัน เพราะพี่ชายมาอยู่บ้านไม่ทำอะไร และทำร้ายภรรยาตน จนต้องขอแยกกันอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น