นครสวรรค์ – ญาติพี่น้อง-เพื่อนบ้าน คาใจ..สาวนครสวรรค์เจ็บท้องใกล้คลอด แจ้งรถฉุกเฉินพาส่ง รพ.ตาคลี เตรียมทำคลอด เกิดช็อกต้องเข้าไอซียู-ส่งต่อโรงพยาบาลใหญ่ สุดท้ายเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก ก่อนมี จนท.ตามมาถามคนไข้แพ้ยาอะไรทีหลัง
วันนี้(4 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ศาลาจัดงานสวดอภิธรรมศพ วัดเขาใบไม้ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ หลังมีรายงานว่า ญาติและครอบครัวติดใจสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางสาวรุ้งดาว มาสิงห์ อายุ 36 ปี และลูกในครรภ์ ซึ่งได้เสียชีวิตจากการไปรอทำคลอดอยู่ในโรงพยาบาลตาคลี
จากการสอบถามนางน้ำค้าง นกลอย อายุ 55 ปี มารดาของนางสาวรุ้งดาว เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ตอนนั้นนางสาวรุ้งดาว เริ่มปวดท้อง และมีอาการข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ จึงได้แจ้งให้รถโรงพยาบาลมารับ เพื่อนำไปตรวจอาการยังโรงพยาบาลตาคลี
เมื่อไปถึง แพทย์ได้ให้บุตรสาวนอนพักอยู่ในห้องรวมผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เพื่อเตรียมทำคลอด แต่เนื่องจากขณะนั้น ตนรวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นๆ ต่างติดภาระจากหน้าที่การทำงานอยู่ต่างจังหวัด จึงไม่มีใครไปช่วยอยู่เฝ้าตลอดเวลา กระทั่งเวลาผ่านมาถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ของลูกสาวโทรเข้ามาหาตน แต่เสียงปลายสายกลับเป็นเสียงของพยาบาล พูดกับตนด้วยท่าทีตกใจว่า..ให้รีบมาดูลูกสาวด่วน เพราะคนไข้กำลังอยู่ในอาการวิกฤติหนัก..
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ตนได้ลาหยุดงานจาก จ.อยุธยา เพื่อเดินทางมาเยี่ยมลูกสาว พร้อมกับนำของกินของใช้มาให้ ซึ่งก็ยังเห็นเขายิ้มแย้ม ดูแข็งแรงเป็นปกติอยู่เลย อีกทั้งเขายังคุยแบบอารมณ์ดีด้วย โดยบอกว่า..เขาดีใจมากที่รู้ว่าเขาจะได้ลูกชาย..ตนจึงโผเข้าไปกอดหอมลูกด้วยความดีใจ พร้อมกับให้กำลังใจเขา
“คำพูดสุดท้ายตนได้ถามเขาว่า ต้องอยู่คนเดียวเหงาหรือไม่ เขาก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร อยู่ได้ มีกำลังใจดีอยู่ ตนจึงได้เดินทางกลับต่างจังหวัด เพื่อเตรียมไปทำงาน ไม่คาดคิดว่า จู่ๆ ลูกสาวจะช็อกก่อนจากไปแบบไม่มีวันกลับ โดยตอนนั้น กว่าตนจะเดินทางกลับมาหาลูก ก็พบว่าลูกได้ไปเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ อ.เมืองนครสวรรค์ แล้ว ซึ่งทราบว่า หลังจากที่ลูกมีอาการวิกฤติทางโรงพยาบาลตาคลีได้รีบนำตัวส่งไปยังอีกโรงพยาบาลทันที”
ด้านนายอภินันท์ มาสิงห์ อายุ 34 ปี น้องชายของนางสาวรุ้งดาว กล่าวว่า หลังพี่สาวเสียชีวิต ก็ได้สอบถามกับทางโรงพยาบาลตาคลี เขาได้ให้คำตอบประมาณว่า ตอนนั้นพี่สาวเกิดอาการช็อกอยู่ที่เตียงคนไข้ จนต้องรีบนำตัวเข้าห้องไอซียูเป็นการด่วน แต่ในระหว่างการช่วยชีวิต อาการทรุดหนักกว่าเดิมแล้วชีพจรก็ขาดไป ซึ่งถึงแม้จะช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่นานกว่า 40 นาที จนชีพจรของพี่สาวกลับคืนมาแล้ว แต่เมื่อนำตัวส่องต่อไปยังโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ชีพจรของพี่สาวก็ขาดไปอีกรอบ
“ตอนที่พี่สาวอยู่โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองนครสวรรค์ มีน้าสาวตนที่ตามมาทัน และอยู่ในเหตุการณ์ เขาเล่าว่า หมอของที่นั่นก็พยายามยื้อชีวิตพี่สาวผมอยู่นาน แต่อาการของพี่สาวไม่มีทีท่าที่จะดีขึ้นเลย จนเขาต้องตัดสินใจผ่าท้อง เพื่อช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ออกมาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน เพราะเด็กในครรภ์ได้เสียชีวิตไปก่อนที่พี่สาวจะสิ้นลมหายใจตาม จากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้นเรื่องเดินเข้ามาถามน้าสาวว่า..พี่สาวของตน เขาเคยแพ้ยาอะไรหรือไม่ เพราะในระหว่างที่พี่สาวช็อก ได้มีการฉีดยากันชักให้ก่อนจะเกิดอาการทรุดหนักกว่าเดิม จึงทำให้สงสัยในประเด็นนี้เป็นอย่างมาก”
นายอภินันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากจะสงสัยเรื่องการฉีดยาแล้ว ยังมีเรื่องสงสัยตามมาอีก เพราะหลังการเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลตาคลีได้ระบุผลการตรวจสอบเบื้องต้น โดยกล่าวกับตนด้วยวาจาว่า..มีการพบสารเสพติดที่ปัสสาวะของพี่สาวตน..ซึ่งตนก็ตกใจ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากที่ผ่านมาพี่สาวไม่เคยมีประวัติกับเรื่องพวกนี้ จึงได้ทักท้วงกลับไป และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการชันสูตรตรวจสอบการเสียชีวิตอย่างละเอียด ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว แต่ในเบื้องต้น ทางแพทย์ได้มีการระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะปอดขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน และตายอย่างผิดธรรมชาติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประวัติของพี่สาว นายอภินันท์ บอกว่า พี่สาวมีลูกสาววัย 8 ขวบ และ 11 ขวบอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นเด็กพิการทางร่างกายทั้งคู่ และถูกส่งตัวมาให้คุณตากับน้าสาวช่วยเลี้ยงดูที่ อ.ตาคลี ส่วนตัวพี่สาวไปทำงานค้าขายอยู่กับสามีที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งท้องลูกคนที่ 3 และใกล้คลอด จึงได้ย้ายกลับมาอยู่กับลูกสาว เพื่อรอคลอด ซึ่งตอนที่เขาอยู่ที่นี่ประมาณ 3 เดือน เขาก็หาของมาเร่ขายเพื่อหารายได้นำไปเลี้ยงลูกที่พิการ โดยไม่มีใครเห็นพฤติกรรมหรืออาการ ที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอะไรเลย
ขณะที่นางภัทรชานนท์ แสงเหว่า อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านคนสนิทของนางสาวรุ้งดาว ยืนยันด้วยว่า นางสาวรุ้งดาวไม่มีพฤติการณ์ไปข้องเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นเลย เพราะตอนเจ้าตัวอยู่ที่นี่ ก็ดูแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส แถมยังเดินเร่ขายของได้ไกลเป็นกิโลฯ ทั้งที่ท้องแก่
ซึ่งก็รู้สึกตกใจ และสงสัยว่าผลตรวจปัสสวะของนางสาวรุ้งดาว มีสารเสพติดได้อย่างไร รวมถึงยังติดใจการเสียชีวิตของเขา และเด็กในครรภ์ด้วย เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยยืนยันว่า แพทย์ได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วระบุถึงเด็กชายในท้องมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีความพิการเหมือนลูกสาวของเขา 2 คนที่เกิดมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขามีความหวังกับลูกคนนี้เป็นพิเศษ แต่สุดท้าย ก็ต้องมาด่วนจากไปทั้งแม่และลูก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับงานศพของนางสาวรุ้งดาวและลูก จะมีการพิธีสวดพระอภิธรรมในวันนี้เป็นคืนสุดท้าย ก่อนจะเก็บร่างเอาไว้ โดยทางครอบครัวของนางสาวรุ้งดาว ยืนยันว่าจะยังไม่มีการฌาปนกิจศพ จนกว่าผลพิสูจน์การเสียชีวิตอย่างละเอียดจะออกมา
ขณะที่มีรายงานว่าทางโรงพยาบาลตาคลี จะมีการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้(5 ก.พ.) และทางผู้บริหารของโรงพยาบาล ได้เดินทางไปร่วมงานศพตั้งแต่คืนวันแรกแล้ว พร้อมกับมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือในเบื้องต้น เป็นจำนวนเงิน 3 พันบาท อีกทั้งยังมีการรับปากว่า จะมีการเดินเรื่องในสิทธิ์บัตรทองของผู้เสียชีวิต เพื่อช่วยเหลือในเรื่องค่าเยียวยาให้อีกทางด้วย