สมุทรสงคราม - ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรไม้ผลจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุปีนี้ลิ้นจี่คาดไม่มีผลผลิต เพราะอากาศไม่เป็นใจ วอนรัฐบาลชดเชย เนื่องจากชาวสวนบางรายหมดทุนอาจโค่นต้นลิ้นจี่ทิ้งแล้วหันไปปลูกไม้ผลอื่นที่ให้ผลผลิตแน่นอนกว่าแทน
นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรไม้ผลจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่มีประมาณ 5,000 ไร่เศษ มีลิ้นจี่พันธุ์ต่างๆ รวมประมาณ 100,000 ต้น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ค่อม สำหรับปีนี้สภาพอากาศที่ผ่านมาไม่หนาวเย็นเท่าที่ควร จึงคาดว่าลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงครามปีนี้จะให้ผลผลิตออกมาน้อยมาก หรืออาจจะไม่มีผลผลิตเลย
โดยจากการสำรวจผลผลิตในพื้นที่หลายตำบล เช่น ตำบลเหมืองใหม่ ตำบลแควอ้อม ตำบลบางสะแก ตำบลบางกุ้ง และตำบลบางพรม ซึ่งเป็นแหล่งปลูกลิ้นจี่รายใหญ่และรสชาติดีมีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม พบว่าเกือบ 100% แตกใบอ่อน ซึ่งตามปกติช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคมจะมีลิ้นจี่รุ่นแรกหรือที่ชาวสวนเรียกว่า“ปูนแรก”แทงช่อดอกและให้ผลผลิตในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง แต่จนถึงบัดนี้ลิ้นจี่รุ่นแรกน่าจะไม่มีผลผลิตเลยค่อนข้างแน่นอนแล้ว ส่วนรุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ก็ไม่น่าจะไม่ให้ผลผลิตเช่นกัน เพราะสภาพอากาศไม่หนาวเย็นอุณหภูมิเกินกว่า 18-20 องศา จึงทำให้ลิ้นจี่ไม่แทงช่อดอก แต่กลับแตกเป็นใบอ่อน ซึ่งการแตกใบอ่อนของต้นลิ้นจี่นั่นแสดงว่าลิ้นจี่ต้นนั้นไม่ให้ผลผลิตแล้วในฤดูกาลนี้
นายชัยยันต์ เล่าอีกว่าปัญหาลิ้นจี่ให้ผลผลิตบ้างไม่ให้ผลผลิตบ้างในบางปีมีผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะชาวสวนลิ้นจี่ต้องเสียเงินค่าดูแลบำรุงต้นลิ้นจี่ เช่น ค่าปุ๋ย ค่าแรงคนงานทำความสะอาดสวนตลอดทั้งปี ที่น่าเป็นห่วงคือชาวสวนลิ้นจี่บางรายที่รับภาระไม่ไหว ก็โค่นต้นทิ้งแล้วหันไปปลูกมะพร้าวน้ำหอมหรือส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ ที่ให้ผลผลิตดีกว่าทดแทน สังเกตได้จากพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอม และส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพื้นที่ปลูกลิ้นจี่กลับลดลงจาก 10,000 กว่าไร่เหลือเพียง 5,000 ไร่เศษ
แสดงว่าลิ้นจี่ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรสงครามและเป็นสุดยอดผลไม้ของประเทศไทย อาจจะหมดไปถ้าไม่มีการอนุรักษ์รักษาต้นไว้ จึงขอให้รัฐบาลมีการชดเชยรายได้ในฤดูที่ลิ้นจี่ไม่ให้ผลผลิต เช่นข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ที่ปีไหนไม่ได้ผลผลิตก็ขอให้ชดเชยเป็นค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย ค่าดูแลอื่น เพื่อที่ชาวสวนจะพอมีเงินบริหารจัดการลิ้นจี่ในฤดูกาลต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้สภาเกษตรกรจะมีการหารือเรื่องความเหมาะสมของราคาชดเชยและรูปแบบการชดเชยว่าจะพิจารณาอย่างไรและนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นางเบญจวรรณ รุ่งอรุณเนตร อายุ 58 ปี เจ้าของสวนลิ้นจี่รายใหญ่ใน ต.บางสะแก อ.บางคนที บอกว่าสวนของตนและญาติพี่น้องมีลิ้นจี่รวมกันประมาณ 500-600 ต้น ยังรอลุ้นเฮือกสุดท้าย หากสัปดาห์นี้หรือช่วงปลายเดือนมกราคมนี้สภาพอากาศยังร้อนอุณหภูมิเกินกว่า 18 องศา ก็ต้องทำใจว่าลิ้นจี่ปีนี้คงไม่ให้ผลผลิตแน่นอนแล้ว
อย่างไรก็ตามตนยังมีส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่อีกประมาณ 500 กว่าต้น ซึ่งรสชาติดีและให้ผลผลิตจำนวนมากคาดว่าไม่น้อยกว่า 10 ตัน หรือหมื่นกิโลกรัมพร้อมจำหน่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ผู้สนใจสามารถเข้ามาซื้อในสวนได้ ตนขายถูกและขายเป็นลูกเฉลี่ย 2-3 ลูก 100 บาท ผู้สนใจปัก GPS ไปได้ที่ “สวนส้มโอลุงจก” สมุทรสงคราม หรือโทรศัพท์สอบถามเส้นทางได้ที่ 097-9298956