ตราด – ยุติการค้นหา 6 ลูกเรือประมงลอบปูอับปางกลางทะเลเกาะช้างตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เชื่อไม่น่ามีชีวิตรอดจากปัจจัยสภาพความเย็นของน้ำและคลื่นแรงที่อาจทำให้ร่างจมทะเลตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่เกิดเหตุ จากนี้เดินหน้าวางแผนกู้เรือ
จากเหตุการณ์เรือประมงศิรวิชนำโชค ซึ่งเป็นเรือขนาด 10 ตันกรอส ตัวเรือสีเขียว ได้สูญหายพร้อมลูกเรือจำนวน 6 คน หลังอับปางกลางทะเล จ.ตราด ขณะออกทำการประมงวางลอบจับปูระหว่างเกาะคลุ้มและเกาะรัง เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาซึ่งหลังเกิดเหตุ ศรชล.ภาค 1 ได้นำเรือหลวงศรีราชา ออกค้นหาโดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นักประดาน้ำ อาสากู้ภัย และชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันค้นหาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวลูกเรือประมงลอบปูทั้ง 6 คนที่ยังคงสูญหาย พร้อมบอกว่าแม้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาส่วนราชการทั้งจากกองทัพเรือ ศรชล.ตราด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ฝ่ายปกครองเกาะช้าง และภาคเอกชน รวมทั้งสมาคมประมงจังหวัดตราดจะนำเรือประมงออกช่วยกันค้นหาติดต่อกันถึง 6 วัน แต่ยังไม่สามารถค้นหาตัวได้พบนั้น
วันนี้ ( 28 ธ.ค.) นายเนรมิตร สงแสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง 1 ในหน่วยงานค้นหาลูกเรือประมงทั้ง 6 คน เผยว่าหลังจากที่หน่วยงานค้นหาที่ประกอบด้วย ศรภ.เกาะช้าง,ศรชล.ตราด,สมาคมประมงจังหวัดตราด และฝ่ายปกครอง ที่นำโดย นายเติมศักดิ์ เสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ต.เกาะช้างใต้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเกาะช้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพเรือ ที่นำเครืองบินค้นหาติดตอ่กัน 2-3 วัน
โดยใช้เวลาในการค้นหาลูกเรือทั้ง 6 คนนานกว่า 6 วัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบ อีกทั้งยังมีอุปสรรคทั้งคลื่นลมที่แรง คลื่นทะเลสูง รวมทั้งคลื่นทะเลที่ไหลออกจากฝั่งอาจทำให้ลูกเรือประมงถูกคลื่นพัดออกไปไกลจากฝั่ง ทำให้คณะที่ค้นหาได้หารือกันและได้ข้อสรุปว่า ควรจะยุติการค้นหา เพราะเชื่อว่าไม่น่าพบตัวแล้ว
“คณะเรามองว่า คลื่นทะเลที่แรง และน้ำทะเลที่เย็นจะทำให้ร่างกายของลูกเรืออ่อนแรงและอาจจมลงทะเลไปแล้วในช่วง 2-3 วันแรก จึงทำให้เครื่องบินที่บินหา 2-3 วันไม่สามารถมองเห็น อีกทั้งเรือประมง และเรือค้นหารวมกว่า 15 ลำก็ปูพรมค้นหาในระยะที่ห่างไกล และตามกระแสของน้ำแต่ก็ยังไม่พบ จึงประเมินว่า โอกาสรอดชีวิตของลูกเรือทั้ง 6 คนมีน้อยมาก จึงควรจะยุติการค้นหา และวางแผนการกู้เรือประมงขึ้นกลับเข้าฝั่งจะดีกว่า“
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ยังบอกอีกว่าในวันนี้หน่วยงานในพื้นที่ยังได้แบ่งทีมในการเตรียมอุปกรณ์ และแบ่งหน้าที่ในการกู้เรือเป็น 3ทีม ทีมละ 2คน ซึ่งทีมอุทยานฯ รับหน้าที่ยึดตรึงเครื่องมือประมงในเรือให้อยู่กับที่แล้วจึงจะไปสบทบกับอีก 2ทีม ที่มีทีมผู้ประกอบกิจการดำน้ำลึกบ้านบางเบ้าลำเรียงอุปกรณ์ไปยังท้ายเรือที่จมเพื่อใช้เชือกผูกยึดถัง 200ลิตร
เพื่อเติมอากาศพยุงด้านท้ายเรือให้ยกขึ้นจากพื้นเลน และจะทำการโยงเชือกเส้นหลักเพื่อใช้ลากจูงเข้าเกยชายฝั่งบริเวณอ่าวสลักเพชร เพื่อทำการสูบน้ำออกจากเรือต่อไป…