xs
xsm
sm
md
lg

"ไชยา" ดันด่านช่องจอมเป็นศูนย์ส่งออกด้านปศุสัตว์ รับนโยบาย "นายกเศรษฐา"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุรินนทร์-จ.สุรินทร์ขานรับ สุรินทร์โมเดล ศูนย์ผลักดันศูนย์กักกันสัตว์เพื่อการส่งออก สอดรับนโยบาย "นายกเศรษฐา" เปิดตลาดโคมีชีวิต ไปจีน ตะวันออกกลาง และเวียดนาม มั่นใจสินค้าเกษตร พืช สัตว์ ประมง ปลอดภัย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” สร้างรายได้เข้าประเทศ

นายไชยา พรหมา รัฐนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
วันนี้ ( 28 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมรวยปราสาท อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ นายไชยา พรหมา รัฐนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมหารือดำเนินการเปิดจุดรวมสินค้าปศุสัตว์ เพื่อการส่งออก ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม มีนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง), นายสันทัด แสนทอง รอง ผวจ.สุรินทร์, นายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้การหารือตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านการเกษตรสู่ความสำเร็จ เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน มุ่งเน้นเพื่อยกระดับสินค้าเกษตร และเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกร โดยหลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”

นายสัตวแพทย์อภิชัย นาคีสังข์ ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เป้าหมายการพัฒนาจุดรวมสินค้าปศุสัตว์ เพื่อการส่งออก ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ สามารถช่วยให้การส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศบริเวณนี้ มีจุดเด่นทุกด้าน เพราะศักยภาพพื้นที่รวมถึงส่วนราชการมีความพร้อม การพัฒนาศักยภาพการผลิตปศุสัตว์พื้นที่มีความพร้อม อีกทั้งจำนวนประชากรโคเนื้อก็มีมากที่สุดในประเทศไทย

มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อเข้มแข็ง มีการพัฒนาเนื้อโควากิวที่มีคุณภาพตรงตลาดพรีเมี่ยม มีโรงฆ่าสัตว์ ที่ผ่านรองรับการผลิต นอกจากนี้สินค้าการเกษตรอื่น ยังถือเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ (รำข้าวหอมมะลิสุรินทร์ GI) มีตลาดนัดโค-กระบือ 4 แห่ง ที่เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนกันภายในจังหวัดและต่างจังหวัด อีกทั้งคนจังหวัดสุรินทร์ มีทักษะภาษาเขมรถิ่นไทย ที่สามารถสื่อสารกับภาษาเขมรของชาวกัมพูชาได้

“ด้านแผนการวางระบบเพื่อการส่งขายโคเนื้อมีชีวิต ผ่านตลาดกลางสินค้าด่านช่องจอม ในอนาคต แบ่ออกเป็น 2 ขั้นตอนเพื่อให้คู่ค้ามีความมั่นใจในคุณภาพที่ปลอดโรค โดยโคกระบือ ฟาร์มทั่วไป เมื่อนำสัตว์เข้ามาในพื้นที่ จะเตรียมสัตว์เข้ากักกันโรค 45 วัน จากนั้นจะย้ายเข้าพื้นที่ปลอดโรคและกักในฟาร์มปลอดโรค 30 วัน จากนั้นเคลื่อนย้ายออกจากต่างประเทศ และขั้นตอนที่ 2 เมื่อฟาร์มที่ได้รับรองสถานกักกันสัตว์เพื่อการส่งออกหรือฟาร์มปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย จะนำสัตว์เข้ามาในพื้นที่ปลอดโรคและกักในฟาร์มปลอดโรค และกักกันในฟาร์มปลอดโรคอีก 30 วัน จึงจะเคลื่อยย้ายออกไปจำหน่ายต่อในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัย” ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ กล่าว




ด้านนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านเกษตรกรรม “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นนโยบายที่เร่งแก้ไขปัญหา อุปสรรค เพื่อให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี โดยยึดหลัก “ผลิตให้พอ ดูแลให้ดี พัฒนาให้มีคุณภาพ” จึงเห็นได้ว่าในสภาผู้แทนราษฎร ตนได้รับการร้องเรียนว่าสินค้าการเกษตรตกต่ำอย่างมาก ทั้ง โค - กระบือ - หมู รวมถึงสินค้าการเกษตร ประสบปัญหาราคาตกต่ำ ความจำเป็นจึงขึ้นอยู่กับการเปิดตลาดใหม่ที่จะสามารถพัฒนาได้ โดยเฉพาะ จ.สุรินทร์ อยู่ติดกับประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ยังสอดรับนโยบายนายกเศรษฐา เปิดตลาดโคมีชีวิต ไปประเทศจีน ตะวันออกกลาง และประเทศเวียดนาม

แนวทางเปิดตลาดหรือศูนย์กักกันสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้เริ่มกำหนดพื้นที่เป้าหมาย ในหลายจังหวัดที่ติดชายแดน ไม่ว่าจะเป็น จ.เชียงราย จ.สุรินทร์ จ.มุกดาหาร จ.สระแก้ว จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือจ.เพชรบุรี ที่กำลังดำเนินการพิจารณาตามความเหมาะสม นอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้จับมือกับกระทรวงพาณิชย์ฯ เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล การทำงาน กระทรวงพาณิชย์ จะมีหน้าที่เปิดตลาดการค้าเพื่อจัดหาโควต้าเพื่อการส่งออก

ส่วนกระทรวงเกษตรฯ จะมีหน้าที่สร้างความเชื่อมั่นเป็นศูนย์กลางการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นตลาดเพื่อการส่งออกให้ได้ โดยจะนำสินค้าเกษตรทุกชนิด ไม่ว่าจะด้านพืช สัตว์ ประมง ผ่านกระบวนการรับรองมาตรฐานการผลิต จึงขอให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่จ.สุรินทร์ ได้ช่วยกันวางแผนรวมกัน และควรนำเอาภาคเอกชนเข้าร่วม ซึ่งในขณะนี้ทราบว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือผ่านทูตพาณิชย์ประสานกับประเทศกัมพูชา


สำหรับ จ.สุรินทร์ เป็นจังหวัดติดชายแดนประเทศกัมพูชา มีการซื้อขายส่งออก โดยเฉพาะโคเนื้อเป็นอันดับหนึ่งในประเทศ และสัตว์ที่สำคัญได้แก่ โคเนื้อ และไก่พื้นเมือง ในภาพรวมโคเนื้อ ปี 2566 โคพื้นเมือง มีจำนวน 332,527 ตัว โคลูกผสม 264,012 ตัว โคพันธุ์แท้ 6,854 ตัว และโคขุน 2,563 ตัว รวม 605,956 ตัว รวมมูลค่า 6,673,500 บาท, ส่วน ไก่ปี 2566 ไก่พื้นเมือง 4,452,144 ตัว ไก่ผสม 33,846 ตัว ไก่เนื้อ 565,221 ตัว และไก่ไข่ 223,865 ตัว ซึ่งในปี 2566 จ.สุรินทร์ ส่งโคเพศผู้ผ่านด่านกักกันสัตว์ (ด่านช่องจอม) จำนวน 305 ตัว ส่วนไก่พื้นเมือง 981,240 ตัว และไก่ไข่ปลดระวาง 400 ตัว รวมมูลค่า 82,786,960 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น