เชียงราย – ตำรวจ บช.ปส.ตามกวาดล้างเครือข่าย 4 แก๊งนักบินขนยานรกทั้งไอซ์-ยาบ้า จากภาคเหนือเข้าพื้นที่ชั้นใน ลุยค้น-ยึดทรัพย์ ทั้งกลุ่มนักบินรับขนลำเลียง-คนดูแลจุดพักคอย-แกนนำคนสั่งการ
เช้ามืดวันนี้ (21 ธ.คน.66) พล.ต.ท.ศิริศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ดำเนินปฏิบัติการ "กวาดล้างเครือข่ายนักบิน กลุ่มลำเลียงยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ"
โดยร่วมกันสืบสวน ติดตามจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย ในหลายคดีสำคัญและมีกลุ่มขบวนการหรือแก๊งเกี่ยวข้องด้วยจำนวน 4 แก๊ง ซึ่งปัจจุบันมีหมายจับคนในแก๊งต่างๆ ทั้งกลุ่มคนรับจ้างลำเลียง กลุ่มคนเก็บรักษาของกลางเพื่อพักคอยตามจุดต่างๆ และแกนนำ
ประกอบด้วยแก๊งที่ใช้รถเอนกประสงค์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ติดหมายทะเบียน จ.เชียงใหม่ ขนไอซ์น้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม จาก ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย เข้าสู่ชั้นในของประเทศ แต่ไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.สกัดได้ที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2566
อีกแก๊ง คือเครือข่ายนายสุทธิศักดิ์พร้อมพวกอีก 4 คน ที่ถูก กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.พร้อมตำรวจภูธร ทหารและฝ่ายปกครอง สกัดจับพร้อมไอซ์น้ำหนักรวม 591 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2566 ขนลำเลียงผ่านเขต อ.เทิง จ.เชียงราย
แก๊งที่ 3 เป็นเครือข่ายขนยาบ้าจำนวน 10 ล้านเม็ด จาก จ.เชียงใหม่ จะไปส่งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยอำพรางไปกับรถขนพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเจ้าหน้าที่สกัดจับได้เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนขยายผลทราบว่ามีนายธวัชชัย ชาวอาข่าที่อาศัยอยู่ที่ ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย เป็นผู้สั่งการจึงถูกหมายจับไปด้วย
แก๊งสุดท้าย เป็นขบวนการขนยาบ้าจำนวน 1,118,000 เม็ด จาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปพักคอยไว้ที่ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดได้ก่อนจะส่งมอบให้กับเครือข่ายที่อยู่ชั้นในของประเทศ
ซึ่งผลปฏิบัติการเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของบางคดีได้จำนวน 2 ราย ยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ได้หลายคันจึงได้นำไปดำเนินคดีและขยายผลตามกฎหมาย
พล.ต.ท.ศิริศักดิ์ เปิดเผยว่าปฏิบัติการฯ มุ่งดำเนินคดีและยึดทรัพย์ของผู้สั่งการในเครือข่ายยาเสพติดแต่ละกลุ่ม รวมถึงขยายผลไปถึงบุคคลในเครือข่ายในพื้นที่พักคอยยาเสพติด สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงตามพื้นที่ชายแดนอย่างจริงจัง โดยใช้การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ใช้กฎหมายตามมาตรา 5 (10) ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่กำหนดสถานะของพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัด 15 อำเภอ ได้แก่ จ.เชียงราย จำนวน 6 อำเภอ จ.เชียงใหม่ จำนวน 5 อำเภอ และ จ.นครพนม จำนวน 4 อำเภอ ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามโดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ชั้นในของประเทศ.