พิษณุโลก – แม่เสือสาวสะอื้นไห้..ระหว่างตำรวจพาตัวทำแผนชิงทรัพย์ร้านทองฯหัวรอ เมืองสองแคว สารภาพอ้างเป็นหนี้ทั้งใน-นอกระบบ รวมเฉียดแสน ตัดสินใจก่อเหตุร้านทองที่มีคนเฝ้าร้านอยู่คนเดียว คนภายนอกไม่พุลพล่าน สุดท้ายโดนตามรวบทันควัน
วันนี้ (15 ธ.ค.66) พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6, พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก และ พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าวที่หน้าสภ.เมือง พิษณุโลก กรณีคนร้ายก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จากห้างทองพัณณิตา ตั้งอยู่เลขที่ 413/11-12 ถ.เอกาทศรถ ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลา14.50 น.
ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจับกุมนางสาวรุ่งทิพย์ หรือ แก้ว หยวกอ่อง อายุ 28 ปี อยู่บ้านหมู่ 3 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหา ได้เมื่อเวลา 20.00 ของวันเดียวกัน ของกลางคือ สร้อยทองคำหนัก 2 บาท รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ-ส้ม, ป้ายทะเบียน 1กด - 6503 พิษณุโลก, เสื้อแขนยาว สีดำ, กางเกงขายาว สีดำ, เสื้อยืด สีขาวดำ ทำเป็นหมวกคลุมหน้า, รองเท้าแตะ ใบเสร็จ ธ.กรุงศรีฯ ที่ผู้ต้องหาจ่ายค่างวดรถ
พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 กล่าวว่า คดีนี้ ผบช.ภาค 6 สั่งกำชับได้ติดตามทำคดีโดยเร็ว จากที่ได้สอบปากคำผู้ต้องหาพบว่า คิดสั้น เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากผู้ต้องหามีหนี้อยู่หลายหมื่นบาทเกือบแสนบาท ทั้งหนี้ค้างผ่อนค่างวดรถยนต์ หนี้เก่า และหนี้ที่เพิ่งสร้างไว้ทั้งใน-นอกระบบ จึงลงมือก่อเหตุ
โดยผู้ต้องหาได้ตระเวณดูร้านทองแห่งอื่นแล้ว แต่ไม่สามารถก่อเหตุได้เนื่องจากผู้คนจำนวนมากและมีคนเฝ้าร้านอยู่หลายคน ก่อนตัดสินใจก่อเหตุที่ห้างทองพัณณิตา ขณะมีคนเฝ้าเพียงคนเดียว ทำทีไปเลือกซื้อทอง และลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์แต่ก็ไม่รอด เนื่องจากกล้องวงจรปิดในตัวเมืองพิษณุโลกมีอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตามฝากเตือนไปยังร้านทองแห่งอื่นว่าต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งเศรษฐกิจช่วงนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ไปทำแผนภายในร้านทองพัณณิตา พบว่านางสาวรุ่งทิพย์ตกอยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้น โดยเฉพาะช่วงที่เจ้าของร้านทองพูดทำนองว่า..เข้าใจที่ผู้ต้องหา เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ไม่น่าเลือกวิธีนี้ เพราะเป็นการทำร้ายตัวเอง กลายเป็นว่า ไปรับโทษในคุกแทน