พิษณุโลก - จับแล้วทันควัน..แม่เสือสาวพิษณุโลกบุกเดี่ยวชิงสร้อยทอง แถมนำไปขายทันที สารภาพอ้างต้องการใช้เงินเร่งด่วน-ต้องผ่อนค่างวดรถยนต์
พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.ส.ภ.เมืองพิษณุโลก, พ.ต.อ.ไชยวิญญ์ อินทรทรัพย์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.พิษณุโลก, พ.ต.ท.อัศนันท์ ธนเลิศภูวเวทย์ รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6, พ.ต.ท.วรการ กาศเกษม รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก และ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ สุดหอม สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก ได้ทำการสืบสวนไล่ล่าและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท เมื่อบ่ายวันที่ 14 ธันวาคม 2566 อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมผู้ต้องหาคือ นางสาวรุ่งทิพย์ หรือแก้ว หยวกอ่อง ทราบชื่อภายหลัง อายุ 28 ปี ที่อยู่ 238 ม.3 ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ได้แล้ว เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันเดียวกัน (14 ธ.ค.) ที่ก่อเหตุแล้วหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 283 ม.3 ต.บ้างกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
จากการตรวจค้นภายในบ้านพักพบของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด ดังนี้ 1. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ-ส้ม ทะเบียน 1 กด 6503 พิษณุโลก จำนวน 1 คัน 2. เสื้อแขนยาว สีดำ จำนวน 1 ตัว 3. กางเกงขายาว สีดำ จำนวน 1 ตัว 4. เสื้อยืด สีขาวดำ ทำเป็นหมวกคลุมหน้า จำนวน 1 ตัว 5. รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ 6. ใบเสร็จ ธ.กรุงศรีฯ ที่ผู้ต้องหาจ่ายค่ารถ จำนวน 28,000 บาท
นางสาวรุ่งทิพย์ให้การยอมรับว่ากระทำความผิดจริง และให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหามีความต้องการใช้เงินเร่งด่วน เนื่องจากมีภาระหนี้สินต้องผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีส้ม-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปยังห้างทองพัณณิตา ที่เกิดเหตุ
จากนั้นทำทีขอเจ้าของร้านดูสร้อยคอ ทองคำ น้ำหนัก 2 บาท เมื่อผู้เสียหายนำทองใส่ถาดให้ตนดู จึงได้ใช้มือฉกฉวยสร้อยคอทองคำแล้ววิ่งหลบหนีไปขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าห้างทองหลบหนีไปที่บ้านพักของตน ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. ผู้ต้องหาจึงได้นำสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท (ของกลาง) ไปขายที่ห้างทองเยาวราช ต.บ้านกร่าง อ.เมืองจ.พิษณุโลก ในราคา 63,000 บาท
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม" ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลกเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป