xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กป๊อด” สั่งผู้ตรวจ ทส.ประชุมแก้ไขปัญหาช้างป่าเขตสลักพระ พบประชากรเพิ่มขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - บิ๊กป๊อด รมว.ทส.สั่งผู้ตรวจ ทส.ประชุมแก้ไขปัญหาช้างป่าเขตสลักพระ พบประชากรเพิ่มขึ้น พร้อมชงของบรัฐบาลสร้างรั้วแทนของเก่า และวางแผนผนึกผืนป่าเข้ากับห้วยขาแข้งเป็นที่อยู่ของช้าง

วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการลาดตระเวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ บ้านหนองหอย หมู่ 4 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับนายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการหาแนวทางแก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่

โดยมี นายมานะ เพิ่มพูน ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายทศพร รักจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายประวัฒน์ พวงทอง ผอ.ส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า นายสุพล คำเสนาะ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ รวมทั้งนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา และเจ้าหน้าที่ อบต.วังด้ง ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลวังด้ง ตำบลช่องสะเดา ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามแก้ไขปัญหาประเด็นเร่งด่วน เช่น ปัญหาพื้นที่ชุมชนทับซ้อนกับพื้นที่ป่า และพื้นที่อนุรักษ์ ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ และปัญหาข้อร้องเรียนของประชาชนและภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีพื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่ช้างป่าออกนอกพื้นที่ไปหากินพืชไร่ตามชุมชน ต.ช่องสะเดา ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งการประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

จากนั้นคณะของนายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินสำรวจพื้นที่อยู่อาศัยของช้างบริเวณป่าชั้นใน “ทุ่งสลักพระ” ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ รวมทั้งสำรวจเส้นทางแนวก่อสร้างรั้วกันช้างกึ่งถาวร เพื่อนำมาปรับแผนในการก่อสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานสามารถป้องกันช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ให้ได้อย่างถาวร ซึ่งที่ผ่านมา บริเวณดังกล่าวเคยก่อสร้างรั้วกึ่งถาวรมาแล้วเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร แต่ไม่สามารถป้องกันช้างป่าได้ เนื่องจากสร้างในลักษณะเสารั้วเป็นรูปแบบฐานแผ่ ฝังลงในดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตรเท่านั้น จึงไม่สามารถทนแรงเสียดทานของช้างป่าได้

ทั้งนี้ นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ นายนพดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้ผมดินทางมาติดตามในการแก้ไขปัญหาช้างป่าและเรื่องปัญหาของที่ดินในเขตพื้นที่ป่า ซึ่งวันนี้ท่านรองอธิบดีกรมป่าไม้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ กำนันตำบลช่องสะเดา และผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือและให้ข้อคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาช้างป่า

ในที่ประชุมได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาช้างป่า ใน 5 เรื่อง เรื่องแรกคือ แนวรั้วกันช้างที่จะต้องดำเนินการในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ในระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร โดยเฉพาะจุดที่ยังมีปัญหาเรื่องของช้างป่า เรื่องที่สองคือ การตั้งชุดผลักดันช้างป่าขึ้นมาให้ครบทุกตำบลรวมประมาณ 19 ชุด เพื่อให้ผลักดันช้างป่าไม่ให้ออกมานอกพื้นที่บริเวณจุดที่ยังไม่มีรั้วกันช้าง

เรื่องที่สามคือ การดำเนินการทำพื้นที่สำหรับกักกันเพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมของช้างป่าได้ โดยพื้นที่บริเวณนี้มีประมาณ 4,000 ไร่ ซึ่งในพื้นที่บริเวณนี้จะมีคอกเอาไว้สำหรับกักกันช้างที่มีพฤติกรรมดื้อ เรื่องที่สี่คือได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ช้างที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าที่มีอยู่ประมาณ 300-400 ตัว ให้เคลื่อนย้ายเข้าไปอยู่ในผืนป่าที่เชื่อมต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่ที่มีพื้นที่ที่เพียงพอสำให้ให้ช้างป่าได้อยู่อาศัย ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบันช้างป่าได้ขยายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นทำให้ผืนป่าเขตรักษาพันสัตว์ป่าสลักพระเกินขีดความสามารถที่จะรับช้างได้แล้ว เพราะพื้นที่ป่าสลักพระมีพื้นที่ประมาณ 5 แสนไร่ แต่ปริมาณช้างป่ามีมากว่า 300-400 ตัว จึงอาจจะทำให้พื้นที่เขตป่าสลักพระ ไม่เพียงพอต่อประชากรช้างในอนาคตได้

และเรื่องสุดท้ายคือ การหาแนวทางดำเนินการเชื่อมต่อกับผืนป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งให้เป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่ขึ้น เพื่อให้เป็นที่เพียงพอของช้าง ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามที่กล่าวมาสำเร็จ จะเป็นการลดปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่มาหากินสร้างผลกระทบให้ราษฎรได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนกรณีรั้วกันช้างเดิมทีเป็นรูปแบบฐานแผ่ ที่ไม่สามารถฝังลึกลงไปใต้ดินได้ ทำให้ป้องกันช้างป่าออกนอกพื้นที่ได้นั้น จากนี้จะต้องมีการออกแบบให้สอดคล้องกับลักษณะพื้นที่ภูมิประเทศของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอาจจะมีการเจาะพื้นที่ที่เห็นหินให้ลึกลงไปอีกเพื่อจะได้ทำให้โครงสร้างของรั้วมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่างบประมาณที่ต้องนำมาใช้คงจะมากพอสมควร ซึ่งเราจะของบประมาณจากรัฐบาล ที่เป็นงบกลางมาดำเนินการในการสร้างรั้วกันช้างที่บริเวณนี้ ที่ความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้กรมอุทยานอยู่ระหว่างการของบประมาณ คาดว่ารัฐบาลจะสนับสนุนมาในระดับหนึ่ง

ด้านนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา กล่าวว่า การแก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่เราได้ร่วมกันแก้ไขมานานหลายปีแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระนั้นมีประชากรเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ภาครัฐกับชุมชนจะต้องมาทำงานควบคู่กันไป ถ้าภาครัฐแก้ปัญหาอะไรเกี่ยวกับช้างป่าขอให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย ส่วนรั้วกันช้างที่กรมอุทยานกำลังของบประมาณมาดำเนินการก่อสร้าง ประชาชนในพื้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและหาแนวทาง โดยจะไม่ให้เป็นเหมือนวิธีที่ผ่านมา










กำลังโหลดความคิดเห็น