นครราชสีมา -"ชาวไร่มันสำปะหลัง อ.ครบุรี ยิ้มแป้น! อากาศหนาวเป็นใจ ปรับแปลงปลูกมันหลังเก็บเกี่ยว หันมาปลูกกะหล่ำปลีขายหน้าหนาว ชี้กะหล่ำปลีปีนี้ราคาพุ่ง บางช่วงรับซื้อถึงกิโลกรัมละ 15 บาท เผยปลูกแค่ 5 ไร่โกยรายได้ขายกะหล่ำปลีกว่า 250,000 บาท
ในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ชาวบ้านที่มีอาชีพทำเกษตรกรรม ส่วนใหญ่ปลูกมันสำปะหลัง ภายหลังจากเก็บเกี่ยวหัวมันสำปะหลังสดขายแล้ว เกษตรกรกรหลายรายต่างปรับพื้นที่ไร่มันสำปะหลังหันมาปลูกพืชผักตามฤดูกาล เช่นการปลูกกะหล่ำปลี ซึ่งจะเป็นรายได้เสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มจากการทำเกษตรกรรม
นายรัษฎากร ตากิ่มนอก อายุ 47 ปี เกษตรกรบ้านโปร่งสนวน หมู่ที่ 7 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนมีไร่มันสำปะหลังจำนวน 5 ไร่ ช่วงนี้ว่างเว้นหลังเก็บเกี่ยวหัวมันสำปะหลังขายแล้ว จึงใช้พื้นที่ดังกล่าวปลูกผักกะหล่ำปลีเพื่อสร้างรายได้ระหว่างรอฤดูกาล เพาะปลูกมันสำปะหลังรอบใหม่ในปีหน้า เนื่องจากสภาพอากาศหนาว เหมาะต่อการปลูกผักกะหล่ำปลี
อีกทั้งภูมิประเทศที่อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติทับลาน ทำให้คุณภาพดินดีพอที่จะปลูกกะหล่ำปลีได้ กะหล่ำปลีที่ปลูกไว้ตอนนี้พบว่าผลผลิตงอกงามดี พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้แล้ว ขณะเดียวกัน ด้วยสภาพพื้นที่แปลงกะหล่ำปลีที่กำลังให้ผลผลิตเขียวขจีเต็มสวน คู่กับสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นแห้งแล้ง เกิดความสวยงามดึงดูดสายตาของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาจนต้องแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันไม่ขาดสาย
นายรัษฎากรกล่าวต่อว่า ช่วงปลายปีที่เข้าสู่ฤดูหนาว สภาพเหมาะเพาะปลูกผักกะหล่ำพืชที่ชอบอากาศเย็น และใช้น้ำน้อย อีกทั้งยังใช้เวลาปลูกไม่นานเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น จึงตัดสินใจทดลองปลูกเพื่อสร้างรายได้เสริมช่วงรอเพาะปลูกมันสำปะหลังชุดใหม่ ซึ่งรอบแรกประมาณเดือนมีนาคม โดยหลังจากทดลองปลูกก็พบว่าได้ผลผลิตดีน่าพอใจ กะหล่ำปลีแต่ละชุดจะให้ผลผลิตไร่ละ 5-7 ตัน ถือเป็นผลผลิตสูง
ที่สำคัญ ช่วงนี้เข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้กะหล่ำปลีมีราคาพุ่งสูงทุกปี โดยราคากะหล่ำปลีเฉลี่ยที่เกษตรกรพออยู่ได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 8-10 บาท แต่ช่วงนี้ราคาจะสูงถึง 10-20 บาท ล่าสุดราคาขยับขึ้นไปที่กิโลกรัมละ 15 บาทแล้ว ทำให้กะหล่ำปลีกลายเป็นพืชเสริมที่สร้างรายได้ให้ครอบครัวตนอย่างมาก
แต่ละปีพื้นที่ 5 ไร่จะเก็บผลผลิตได้ไม่น้อยกว่ารอบละ 25 ตัน หากได้ราคากิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป จะมีรายได้จากการปลูกกะหล่ำปลีไม่น้อยกว่า 250,000 บาทเลยทีเดียว อีกทั้งหลังจากเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีแล้ว หากปล่อยไว้ก็ยังเกิดยอดใหม่ขึ้นมา ที่เรียกกันว่าแขนงกะหล่ำ สามารถเก็บไปขายได้อีกกิโลกรัมละประมาณ 20 บาท เรียกว่ามีรายได้สองต่ออีกด้วย โดยตนใช้ไร่มันสำปะหลังแปลงนี้ปลูกกะหล่ำเสริมมานานกว่า 10 ปีแล้ว
ด้านนายอุทัย หนูวุ่น เกษตรอำเภอครบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลลำเพียก ได้ลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลการเพาะปลูกพืชทางเลือกที่ทำรายได้ดีแต่ละช่วงเวลา เพื่อเตรียมทำปฏิทินการเพาะปลูกพืชตามความต้องการของตลาดที่ทำรายได้ดีในแต่ละช่วง เพื่อส่งเสริมแนะนำให้เกษตรกรเพาะปลูกด้วยวิธีใช้ตลาดนำการเกษตร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีทางเลือกใหม่ทำการเกษตรเพิ่มรายได้ที่ดีขึ้น