สมุทนสงคราม - คณะกรรมการ กต.ตร.โรงพักเมืองสมุทรสงคราม ร่วมหารือแนวทางแก้ปัญหาอบายมุขและยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสถานศึกษา ขณะที่นักเรียนบางคนไม่เกรงกลัวครู
พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.เมืองสมุทรสงคราม โดยมีคณะกรรมการ กต.ตร.เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับรางวัลจากตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 6 โครงการได้แก่ 1.โครงการ Stronger together ระดับดีมากของตำรวจ 2.โครงการ Smart zone 4.00 อันดับที่ 4 3.โครงการประกวดการฝึกและยุทธวิธี อันดับที่ 4 4.โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ อันดับที่ 4 5.โครงการยกระดับการให้บริการประชาชน อันดับที่ 3 และ 6.โครงการสุภาพบุรุษจราจร อันดับที่ 3 ซึ่งการประกวดครั้งนี้มี สภ.ต่างๆ ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 เข้าร่วมจำนวน 104 สถานี นอกจากนี้ ยังได้จัดสร้างถังเก็บหัวกระสุนปีนให้ ภ.จว.สมุทรสงครามไว้ใช้ในราชการอีกด้วย
จากนั้นคณะกรรมการ กต.ตร.ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษาแห่งหนึ่งได้กล่าวถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสถานศึกษา โดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แต่จะเบาบางลงในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งนี้ มีนักเรียนประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งใจเรียน ส่วนอีก 10% ที่มีปัญหา ครูคุมพฤติกรรมยากเพราะเด็กไม่เกรงกลัว หาทางหลบเลี่ยงช่วงที่ครูต้องดูแลเด็กหลายคน รวมทั้งกระทำผิดซ้ำๆ เช่น หาทางโดดเรียน บางรายนำบุหรี่ไฟฟ้า กัญชา เข้ามาลักลอบสูบ และลักลอบนำน้ำกระท่อมเข้ามาดื่มในสถานศึกษา ที่สำคัญกัญชากระท่อมยังหาซื้อได้ง่ายและมาในทุกรูปแบบ ทั้งขนมทั้งคุกกี้ก็มี แถมมี อย.ด้วยในแง่กฎหมายจึงไม่มีความผิด ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา และกระท่อมยังไม่มีความชัดเจนแต่ปล่อยเสรี เด็กที่ตั้งใจเสาะหาจึงเข้าถึงได้ง่าย โดยที่ครูทำได้แค่ลงโทษตามระเบียบของโรงเรียนซึ่งเด็กเหล่านี้ไม่กลัว
นอกจากนี้ เด็กอีกประมาณ 10% ที่มีปัญหาพบว่าบางคนผู้ปกครองให้ท้ายเด็ก เช่น เด็กอยากได้บุหรี่ไฟฟ้าก็ซื้อให้ แต่คุมไม่อยู่เมื่อเกิดปัญหาจะให้โรงเรียนช่วยปราม อีกสาเหตุหนึ่งคือพ่อแม่ต้องทำมาหากินออกจากบ้านแต่เช้า ทิ้งเงินไว้ให้ใช้กว่าจะกลับก็มืดค่ำ แทบไม่ได้พูดคุย ไม่ได้เจอหน้าลูก บางรายพ่อแม่หย่าร้างอยู่กับปู่ย่าตายายที่ชราแล้ว เงินไม่พอให้ หลานไม่มีที่ปรึกษาก็ตามไปกับเพื่อน เพื่อนก็ชักนำไปหาเงินในทางที่ผิดกลายเป็นปัญหาสังคมตามมา การแก้ปัญหาที่สถานศึกษาทำแทบจะไม่เป็นรูปธรรม เพราะครูไม่มีอำนาจทางกฎหมาย มีแค่ลงโทษตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้เด็กจึงไม่เกรงกลัวครู จึงขอความร่วมมือตำรวจนำร่องในการแก้ปัญหาในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สถานศึกษาให้ความรู้และสุ่มตรวจปัสสาวะเชื่อว่าจะทำให้นักเรียนเกรงกลัวบ้าง
พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม กล่าวว่า เรื่องยาผิดประเภทและบุหรี่ไฟฟ้า ได้มอบให้งานป้องกันและงานสืบสวนประสานกับทางสถานศึกษาร่วมกันตรวจค้นในโรงเรียน และหากพบว่าผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมรุนแรง แจ้งตำรวจได้ทันที 191 หรือเบอร์ สภ.เมืองสมุทรสงคราม โทร 0-3471-1338 เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบไปที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด จากนั้นได้มอบชุดตรวจปัสสาวะให้ผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อใช้สุ่มตรวจหาสารเสพติดนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดอีกด้วย
นอกจากนี้ คณะกรรมการ กต.ตร. อีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารสถานประกอบกิจการได้กล่าวถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ที่ห้ามไม่ให้นายจ้าง จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีทำงานเป็นลูกจ้างในงานทั่วไปและงานเกษตรกรรม และอายุต่ำกว่า 18 ปีทำงานในงานประมงทะเล งานในโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์น้ำตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและในกิจการเกี่ยวกับการแปรรูปสัตว์น้ำ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน ซึ่งเป็นโทษที่สูงมาก และยังมีโทษจำคุกสูงสุดอีกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้นายจ้างไม่เลือกจ้างเด็กเหล่านี้เพราะกลัวเรื่องใช้แรงงานเด็ก ทำให้เด็กที่ต้องดิ้นรนหาเงินเรียนด้วยตนเองเพราะปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง หรือครอบครัวไม่มีทุนทรัพย์จะทำอย่างไร ถ้างานสุจริตในภาคกลางวันทำไม่ได้ เมื่อไม่มีทางเลือกเด็กอาจจะถูกชักจูงไปในทางผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด ทั้งค้าประเวณีปัญหาสังคมจะตามมา จึงฝากให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนเรื่องนี้ด้วย