ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลุ่มไทยออยล์มอบเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล กลุ่มที่ 2 ในพื้นที่ บ้านอ่าวอุดม บ้านแหลมฉบัง บางพระ-ศรีราชา เกือบ 6 ล้านบาท
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมด้วย นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดใหญ่ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) นายถิรยุทธ ลิมานนท์ ผู้จัดการฝ่ายกิจการสัมพันธ์ นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา นายสายชล เชาว์ไทย รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ตัวแทนจากเทศมนตรีตำบลบางพระ ตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล กว่า 300 ราย ร่วมพิธี
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่จังหวัดชลบุรีได้มีคำสั่งที่ 4319/2566 ลงวันที่ 22 กันยายน 2566 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลดังกล่าว ซึ่งคณะทำงานได้เร่งประชุมปรึกษาหารือและพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และนำมาสู่พิธีการมอบเงินช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมาได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบชุดแรกที่ อ.เกาะสีชังไปแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท และในครั้งนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ 2 ในพื้นที่บ้านอ่าวอุดม บ้านแหลมฉบัง บางพระ และศรีราชา อีกเกือบ 6 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเหมาะสม ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่พื้นที่อื่นๆ ทางบริษัทจะดำเนินการทยอยให้ความช่วยเหลือตามลำดับจนครบถ้วนต่อไป
ด้านนายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในนามประธานคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วไหลบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลดังกล่าว จังหวัดชลบุรีจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยตนเองเป็นประธานคณะทำงาน และมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนของบริษัทไทยออยล์ เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน ประสาน และประชาสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทั่วถึง และไม่ซ้ำซ้อน
โดยที่ผ่านมา คณะทำงานได้มีการประชุมหารือแลกเปลี่ยนกันมาโดยตลอด ซึ่งมีการเปิดรับคำร้องให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบสามารถลงทะเบียนร้องขอความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และได้ปิดรับคำร้องไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จากนั้นได้หารือจนได้ข้อสรุปถึงแนวทางการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามกลุ่มอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประมง ผู้เพาะเลี้ยงหอย ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้าอาหาร และกลุ่มอาชีพอื่นๆ รวมไปถึงการดูแลฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สัตว์น้ำ หรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ บ้านอ่าวอุดม บ้านแหลมฉบัง บางพระ-ศรีราชา หรือเกาะสีชัง คณะทำงานจะยังคงดูแลและติดตามให้การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ด้านนายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดใหญ่ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ ในฐานะผู้แทนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล ที่ทุ่นรับน้ำมันดิบ SBM-2 ของบริษัท เมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุบริษัทเร่งเข้าดำเนินการระงับเหตุ และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนในการขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในวงกว้าง
ถึงแม้ว่าจะไม่พบคราบน้ำมันบนชายฝั่ง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งบริษัทไม่ประสงค์ที่จะให้เกิดขึ้น และต้องขออภัยกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ บริษัทได้ร่วมมือกับคณะทำงานติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งจังหวัดชลบุรีแต่งตั้งขึ้นมา โดยเปิดให้ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ถึงวันที่ 6 ตุลาคม ปรากฏว่ามีผู้ยื่นคำร้องจำนวนทั้งสิ้น 905 ราย เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านอ่าวอุดม บ้านแหลมฉบัง บางพระ และศรีราชา จำนวน 584 ราย
จากการประชุมคณะทำงานที่ผ่านมา ได้สรุปแนวทางและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มอาชีพต่างๆ จนได้ข้อสรุป และในวันนี้จังหวัดชลบุรีได้จัดให้มีพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้ผู้ได้รับผลกระทบพื้นที่บ้านอ่าวอุดม บ้านแหลมฉบัง บางพระ และศรีราชา สำหรับกลุ่มอาชีพประมง ผู้จับสัตว์น้ำ ร้านขายอาหารทะเลสด ร้านขายอาหารทะเลแห้ง ผู้ประกอบการรถเช่า เรือเช่า และผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ รถสามล้อรับจ้าง จำนวน 323 ราย เป็นเงิน 5,831,000 บาท
อย่างไรก็ตาม กระบวนการต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ยื่นคำร้องรายอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคำร้องให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและเป็นธรรม และจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมในครั้งต่อไป โดยบริษัทขอยืนยันว่าเรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ และจะดำเนินการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างเหมาะสม และรวดเร็วที่สุด