ระยอง - หลายหน่วยงานในทจ.ระยอง เร่งช่วยชาวพม่า 180 ชีวิต ถูกนายจ้างลอยแพทิ้งให้อยู่ในแคมป์คนงานแบบอดๆ อยากๆ โดยไม่จ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายกว่า 3 ล้าน ตรวจสอบพบเจ้าของงานจ่ายเงินค่าจ้างแล้วแต่นายหน้าค้าแรงงานอมไว้เอง
จากกรณีที่มีแรงงานพม่าจำนวน 180 คน ถูกนายจ้างใน จ.ระยอง ปล่อยลอยแพไม่ให้ค่าจ้าง โดยทิ้งให้อยู่ในแคมป์คนงานแบบอดๆ อยากๆ จนต้องขุดมันสำปะหลังและเก็บผักมาต้มกินประทังชีวิต
และเมื่อชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าวจึงได้แจ้งไปยังหน่วยในพื้นที่เพื่อขอให้ยื่นมือช่วยเหลือก่อนที่แรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวจะพากันอดตายในแผ่นดินไทย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่เร่งติดต่อนายจ้างเพื่อให้จ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แรงงานเหล่านี้นั้น
วันนี้ (14 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เช่น สำนักงานจัดหางานจังหวัดระยอง สำนักงานแรงงานจังหวัดระยอง สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง กอ.รมน. ตม.ระยอง และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบแคมป์คนงานซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.5 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เพื่อให้ความช่วยเหลือ
โดยจากการตรวจเอกสารการเข้าเมืองและการทำงานของแรงงานกลุ่มนี้พบว่าทุกคนมีเอกสารครบถ้วน
นายสนธยา กาลาศรี จัดหางานจังหวัดระยอง บอกว่า แรงงานทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนจากการที่นายจ้างไม่จ่ายเงินงวดสุดท้าย ซึ่งสำนักงานแรงงานอยู่ระหว่างการประสานไปยังนายจ้างของแรงงานชาวพม่กลุ่มนี้ ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า นายจ้างยังเหลือเงินค้างจ่ายอีกกว่า 3 ล้านบาท
ส่วนการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนนั้น เบื้องต้นแรงงานจังหวัดได้ประสานสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง ให้ช่วยนำข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้แรงงานเพื่อให้ได้มีอาหารกินประทังชีวิตก่อน
"ขณะนี้กำลังกำลังติดตามนายจ้างของแรงงานกลุ่มนี้ ซึ่งทราบว่าเป็นบริษัทที่ได้รับการว่าจ้างให้นำแรงงานเข้ามาส่งทำงานในบริษัทใหญ่อีกทอดหนึ่ง โดยนายจ้างที่รับเหมานำแรงงานเข้ามาได้รับเงินค่าจ้างแรงงานในงวดสุดท้ายจากทางบริษัทแล้ว แต่ยังไม่ยอมนำมาจ่ายให้แรงงานทั้งหมด" จัดหางานจังหวัดระยอง กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดในส่วนของอำเภอนิคมพัฒนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานพม่าในแคมป์คนงานดังกล่าวแล้วเช่นกัน และยังได้เตรียมตั้งข้อหาเจ้าของที่ดินที่ให้เช่าพื้นที่ทำแคมป์คนงานในฐานความผิดด้าน พ.ร.บ.สาธารณสุข
เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตักเตือนแล้วในเรื่องของการดูแลพื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่ไม่ได้รับการแก้ไข