เชียงราย - ร่ำไห้กอดกันกลม..สามสาวไทยถูกหลอกเที่ยวพักร้อนเชียงตุง ก่อนโดนลวงไปเมืองอื่น บีบเซ็นรับสภาพหนี้-บังคับค้าประเวณี หนีมาได้ถูกคนรถพาไปเรียกค่าไถ่ซ้ำ เดชะบุญแม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ประสานกรมการกงสุล-สถานทูต-ตร.เมียนมาช่วยรอดมาได้
วันนี้ (9 พ.ย. 66) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยครอบครัวหญิงสาวชาวไทยที่ถูกหลอกไปทำงานรัฐฉาน ประเทศพม่า ได้เดินทางไปยัง สภ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังเจ้าหน้าที่ไทยและเมียนมาได้ร่วมกันช่วยเหลือสาวไทยกลับมาได้จำนวน 3 คน
หลังจากเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แม่หญิงสาวผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไปยังมูลนิธิฯ ว่าหญิงสาวทั้ง 3 คนหลงเชื่อโฆษณาในติ๊กต็อกให้ไปเที่ยวพักร้อนที่เมืองเชียงตุง ประเทศเมียนมา ทั้งหมดจึงเดินทางไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อไปถึงกลับถูกกลุ่มคนพาเดินทางไปยังเมืองอื่น และถูกยึดพาสปอร์ต-เอกสารอื่นๆ รวมทั้งบังคับให้ลงนามหรือเซ็นชื่อรับสภาพหนี้ จากนั้นถูกบังคับให้ค้าประเวณีหากไม่ทำจะถูกทำร้ายร่างกาย
ต่อมานางปวีณา ในฐานะมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ ได้ประสานนายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล-สถานทูตไทยในประเทศเมียนมา กระทั่งมีการติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาบุกเข้าไปให้การช่วยเหลือ น.ส.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หนึ่งใน 3 หญิงสาวชาวไทยที่ตกเป็นเหยื่อได้ที่เมืองหนึ่ง ส่วนอีก 2 คน ช่วยได้ที่เมืองป๊อกซึ่งอยู่ตอนเหนือของรัฐฉาน
จากนั้นตำรวจเมียนมาได้พาทั้งหมดไปที่เมืองป๊อกเพื่อรอประสานกับฝ่ายไทย แต่หญิงสาวชาวไทยทั้ง 3 คน กลัวว่าจะถูกส่งไปให้กับขบวนการค้าโสเภณีอีกจึงได้หนีไปว่าจ้างรถให้พาไป จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับ อ.แม่สาย แต่คนขับกลับพาไปที่เมืองแพรก โดยนำตัวไปขังที่กระท่อมปลายนาแล้วเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 ล้านบาท และลงมือซ้อม-ทำร้ายตลอด 5 วันที่ถูกขังในกระท่อม
แต่ทั้ง 3 คนก็ยังอาศัยจังหวะที่คนร้ายเผลอหลบหนีไปแจ้งกับตำรวจเมียนมาที่เมืองแพรกอีก แต่กลับถูกดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและถูกคุมขังไว้ เมื่อผู้เป็นแม่ทราบเรื่อง และไม่มีเงินเสียค่าปรับในข้อหาดังกล่าวคนละ 4,000 บาท จึงได้ประสานไปยังมูลนิธิฯ แต่ระหว่างรอประสานก็ถูกคุมขังอยู่นานถึง 3 เดือน ก่อนจะถูกส่งกลับประเทศไทยในที่สุด
ทั้งนี้ พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย มอบหมายให้ พ.ต.ท.นเรศ โปเล็ม สว.(สอบสวน) อำนวยความสะดวก ซึ่งทันทีที่แม่ได้พบลูกต่างร้องไห้และกอดกันด้วยความดีใจที่รอดกลับมาได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.เชียงราย บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.เชียงราย แยกสอบปากคำทั้ง 3 คน เพื่อคัดแยกเหยื่อของการค้ามนุษย์ต่อไป
นางปวีณากล่าวว่า หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ ผู้เสียหายจะได้รับเงินเยียวยาและในระหว่างนี้จะอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ซึ่งจะได้ประสานไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อพาทั้ง 3 คนไปแจ้งความต่อ บก.ปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ให้ติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดีต่อไป
และขอฝากเตือนผู้จะไปทำงานในต่างประเทศหรือแม้แต่ถูกชักชวนไปเที่ยวขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับทางราชการ เช่น หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ หรือที่มูลนิธิฯ ได้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ กักขัง ซ้อมทำร้าย บังคับทำงานผิดกฎหมาย และบังคับค้าประเวณี บางคนถึงกับเอาชีวิตไม่รอด และบางพื้นที่ในต่างประเทศยากแก่การช่วยเหลือด้วย