เชียงใหม่ - “โหรวารินทร์” นำศิษยานุศิษย์จัดพิธีทำบุญใหญ่ทอดกฐิน 19 วัด พร้อมไถ่ชีวิตโค กระบือ 10 ชีวิต และปลา 1,000 กิโลกรัม เผยนิมิตเตรียมรับมือภัยธรรมชาติและภัยสงคราม รวมทั้งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่ผู้ที่มีหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองจะต้องกลับมาทำหน้าที่ โดยได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ขณะที่กลุ่มผู้คิดร้ายฉกฉวยผลประโยชน์ สร้างความขัดแย้งเกลียดชังและบ่อนทำลายชาติเตรียมรับผลกรรม ไร้แผ่นดินอยู่
วันนี้ (5 พ.ย. 66) ที่วิหารหลวง หลวงปู่ หมู่บ้านฮิมม่า เพรสทีจลิฟวิ่ง (ข้างแบงก์ชาติ) ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ "โหรวารินทร์" โหรชื่อดังเจ้าของฉายา "โหร คมช." และประธานมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา พร้อมด้วย นายประดิษฐ์ บัววิรัตน์เลิศ บิดา และ ดร.ปรีชา บัววิรัตน์เลิศ สมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน (ภาคเหนือตอนบน) ตลอดจนเจ้าภาพกองกฐินจำนวน 19 กอง จาก 19 วัดในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละวัดได้นำศรัทธาประชาชนมารับกฐินจากเจ้าภาพเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการไถ่ชีวิตโค-กระบือ 10 ชีวิต ปลา 1,000 กิโลกรัม และมอบทุนโรงพยาบาล ทุนการศึกษา มอบโลงศพ และสาธารณประโยชน์ต่างๆ
งานบุญกฐินทานครั้งนี้ “โหรวารินทร์” ได้กำหนดพิธีการงานบุญเนื่องในวาระมหามงคลพิเศษ จะครบรอบ 150 ปี ชาตกาล หรือวันเกิดครบ 150 ปี ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปี พ.ศ. 2571 โดยคณะศิษยานุศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้พร้อมใจกันระลึกถึงคุณงามความดี และเชิดชูเกียรติครูบาเจ้าศรีวิชัย เพื่อขับเคลื่อนการเสนอชื่อ ครูบาเจ้าศรีวิชัยให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพต่อองค์การยูเนสโก เนื่องด้วยท่านได้สร้างคุณงามความดีมากมายในการนำพาคณะศิษยานุศิษย์สร้างบุญไว้ในพระพุทธศาสนา โดยการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามกว่า 300 วัดทั่วเมืองล้านนา เพื่อสืบสานจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นยาวนาน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ผลงานที่โดดเด่นของท่านคือ ท่านเป็นผู้นำในการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ เพื่อให้ประชาชนเดินทางขึ้นไปกราบสักการบูชาพระธาตุดอยสุเทพด้วยความสะดวก บนยอดพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นพระธาตุที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
นอกจากนี้ ในวันที่ 16 ธ.ค. 66 นี้ทางมูลนิธิฯ กำหนดจัดพิธีพุทธาภิเษก เถราภิเษก องค์หล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย เพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณครูบาเจ้าศรีวิชัย (คาถาปารมี 30 ทัศ และคลิปการสวด 5 ภาษา) โดยมีพระหน่อคำ วัดสุวรรณาราม อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นผู้ร่วมกำกับการถ่ายทำกับทีมงานของมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น ที่ข่วงพระเจ้าล้านนา ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปากทางเข้าห้วยตึงเฒ่า ภายใต้บารมีพระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร รองเจ้าคณะภาค 7 โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม อธิบดีสงฆ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ มาเป็นประธานในพิธีจุดเทียนชัย พร้อมประกอบพิธีมอบชุดเผยแพร่ประกาศเกียรติคุณแก่ตัวแทนธรรมทูตในประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ “โหรวารินทร์” เปิดเผยนิมิตหลังจากการนำประกอบพิธีว่า ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปมวลมนุษย์โลกจะต้องเผชิญต่อภัยธรรมชาติและภัยสงคราม ซึ่งเป็นความขัดแย้งของนานาชาติ แม้ไม่ถึงขั้นสงครามโลก แต่ประเทศไทยย่อมได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามประเทศไทยเรามีบุญ เป็นเมืองพุทธศาสนาจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งแม้ภัยจะรุนแรง แต่ด้วยอำนาจบารมีที่สะสมมานานของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องให้บ้านเมืองปลอดภัย โดยประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายบ้านเมือง ผู้ที่มีหน้าที่จะกลับมาดูแลบ้านเมือง เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองประเทศชาติดีขึ้นหลายอย่าง ทั้งเงินทุนสำรองประเทศ มิตรภาพกับเพื่อนบ้านซึ่งชุดเก่าทำมาดีแล้ว ต่อไปจะเกิดเหตุการณ์ทั้งภัยธรรมชาติ หรือสงครามที่เริ่มลุกลาม แต่ไม่ใช่สงครามที่นานาประเทศก่อแต่ก็เกิดความเสียหายแก่มวลมนุษยชาติจำนวนมาก
สำหรับผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศชาติบ้านเมืองนั้น จากนี้ความจริงต่างๆ จะเริ่มปรากฏ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นในปีหน้า โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงในชาติที่คนที่มีหน้าที่จะเข้ามาทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้นและทุกคนยอมรับ แต่ในเวลานี้ไม่ขอระบุว่าเป็นผู้ใด โดยอีกไม่นานนี้ทุกคนจะได้เห็นกัน ส่วนคนที่สร้างกรรมเวรมีจิตที่ไม่บริสุทธิ์ คนที่กอบโกยผลประโยชน์ของส่วนรวมในบ้านเมือง จากนี้จะต้องรับผลกรรม ล้มหายตายจากหรือสูญสิ้นไป เพราะหมดเวลาของคนพวกนี้แล้ว และจากนั้นไทยจะเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ซึ่งหลังจากผ่านปีนี้ไปจะเริ่มมีเค้าโครงให้เห็น โดยไม่มีความวุ่นวายหรือความขัดแย้งในประเทศ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นดีร่วมกันให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และเกิดความร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งจากนี้ไปประเทศไทยจะเข้มแข็งจากการมีบุคลากรที่ดีและกองทัพที่เป็นรั้วของชาติ รวมทั้งการใช้กฎหมายและอำนาจที่ถูกต้อง ขณะที่ผู้ที่ทำร้ายคิดร้ายต่อประเทศจะได้รับกรรมอย่างประจักษ์ชัดเจน
นอกจากนี้ “โหรวารินทร์” กล่าวว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาประเทศเราถูกทำร้ายทำลายมาตลอด จากการถูกถอดหลักสูตรความเป็นไทยออกไปจากระบบการศึกษา และมีผู้ที่ปลุกระดมทำให้คนในชาติเกิดความเกลียดชังกัน ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายชาติ โดยเวลานี้ความจริงต่างๆ เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว จากการที่ผู้อยู่เบื้องหลังการบ่อนทำลายต่างเอาตัวรอดไปกันหมด แล้วทอดทิ้งให้ผู้ที่ถูกปลุกระดมและออกมาเคลื่อนไหวต้องโทษถูกดำเนินคดี ซึ่งในที่สุดแล้วกลุ่มคนดังกล่าวจะต้องรับกรรมและไม่มีที่อยู่ในประเทศ