ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แม่แรงงานหนุ่มโคราชเสียชีวิตในสงครามอิสราเอลโอด รอเก้อเป็นเดือนยังไร้วี่แววว่าจะได้ เงินเยียวยา 8 หมื่นจาก ก.แรงงาน เผยหมดค่าใช้จ่ายงานศพลูกชายไปกว่า 1 แสน ชี้รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้แรงงานไทยในอิสราเอลรายอื่นกลับบ้านได้อย่างไร
วันนี้ ( 3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายพงษธร ขุนศรี อายุ 25 ปี ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา แรงงานไทยชาวโคราช ที่เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอล และถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ก่อนคืนวันที่ 11 ต.ค.ทางสถานทูตไทยจะยืนยันว่า นายพงษธร ถูกกลุ่มฮามาสฆ่าเสียชีวิตแล้ว และได้นำร่างกลับมาที่บ้านเกิด จ.นครราชสีมา ให้ญาติประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพและฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 90 หมู่บ้านหนองยาง หมู่ 5 ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา พบกับ นางสุรางคณา ขุนศรี แม่ของนายพงษธร ขุนศรี แรงงานไทยที่เสียชีวิต โดยนางสุรางคณา ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ ในการจากไปของลูกชายอย่างกะทันหัน แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมาเกือบ 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ลูกชายถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป แต่กลายเป็นบาดแผลในใจที่ผู้เป็นแม่ยังไม่อาจลืมได้ สิ่งที่หวังได้ตอนนี้เพียงได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐที่รับปากไว้เท่านั้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด
นางสุรางคณา กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวว่าลูกชายถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ก็มีเพื่อนบ้านมาคอยให้กำลังใจตลอด รวมทั้งมีหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน ผลัดเปลี่ยนกันแวะเวียนมาหาทุกวัน จนกระทั่งทราบว่าลูกชายเสียชีวิต และนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ซึ่งช่วงนั้นก็มีค่าใช้จ่ายในการรับรองแขก ทั้งค่าอาหารการกิน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าการจัดงานศพ รวมค่าใช้จ่ายตลอด 16 วัน เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท โดยตนเองได้นำเงินที่เขามาช่วยงานศพจ่ายไปทั้งหมด
ตอนนี้ได้แต่เพียงเงินช่วยเหลือจากกรณีทหารผ่านศึกและเงินประกันสังคม รวมประมาณ 20,000 บาทเท่านั้น แต่เงินเยียวยาที่ทางกระทรวงแรงงานรับปากว่าจะให้ จำนวน 80,000 บาท ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เลย เพราะทางเจ้าหน้าที่เพิ่งจะมาขอเอกสารเพิ่มเติมไปอีกเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมานี่เอง ถ้าตนไม่ได้เงินจากคนที่มาช่วยงานศพ คงจะเป็นหนี้จำนวนมากแน่
ตนก็ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรมาก เพียงแต่ว่ากรณีของลูกชายที่เสียชีวิต ถือว่าเป็นกรณีแรกที่ทางรัฐบาลแจ้งจะให้ความช่วยเหลือ เพราะทุกหน่วยงานก็ลงพื้นที่มาหาตนเองตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่จนถึงขนาดนี้ เวลาผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว ยังไร้วี่แววว่าจะได้เงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่ได้แจ้งไว้เลย
นอกจากนี้แล้วยังมีข่าวอีกว่ารัฐบาลพยายามเสนอเงินให้แรงงานที่กลับมา คนละ 50,000 บาท พร้อมสิทธิให้กู้เงิน 150,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำ ขนาดกรณีของลูกชายตนเองยังไม่ได้เงินเลย แล้วจะเอาอะไรมาสร้างความมั่นใจให้กับคนที่เขายังไม่ได้กลับ ว่าจะได้เงินตามที่รัฐบาลอ้าง เพราะทุกคนมีภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะภาระหนี้สินที่ไปกู้ยืมมา ซึ่งดอกเบี้ยยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ ไม่หยุด
“ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลอยากจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้แรงงานที่ยังไม่กลับ อยากกลับมา ก็ต้องนำเงินมาวางไว้เลย เมื่อกับมาปุ๊บ ก็ได้รับปั๊บเลย อย่างนี้จึงจะทำให้คนอยากจะกลับมา แต่ถ้าทุกคนต้องมารอเงินเยียวยาที่ไม่รู้ว่าจะได้รับเมื่อใด ใครเขาจะอยากกลับมา” นางสุรางคณา กล่าวในตอนท้าย