xs
xsm
sm
md
lg

สุดดีใจ!หนุ่มเชียงใหม่แรงงานไทยในอิสราเอลยอมควัก4หมื่นบาทซื้อตั๋วบินเองหนีตายกลับถึงบ้านเกิด-เจอหน้าลูกเมีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ -หนุ่มเชียงใหม่แรงงานไทยในอิสราเอล ยอมควักเงินส่วนตัวกว่า 4 หมื่นบาทซื้อตั๋วเครื่องบินหนีตายกลับถึงบ้านเกิดแล้ว หลังทนเสี่ยงลูกปืนและระเบิดที่ดังแทบทุกนามทีอยู่ในแคมป์คนงานติดฉนวนกาซารอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจขอมีชีวิตกลับมาเห็นหน้าและอยู่กับครอบครัวดีกว่า โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กวัย 9 เดือน ที่เพิ่งเคยเจอตัวกันเป็นครั้งแรก เพราะไปทำงานตั้งแต่เมียตั้งท้อง 7 เดือน เผยไปทำงานปีกว่ายังไม่ทันหาเงินใช้หนี้หมด แต่ลั่นไม่กลับไปอีกแล้ว


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่าช่วงบ่ายวันนี้(26 ต.ค.66) นายวิฑูรย์ โรจนคีรีสันติ อายุ 26 ปี ชาวบ้านแม่ยะน้อย ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและต้องเผชิญกับภาวะสงคราม ได้เดินทางด้วยเครื่องบินกลับถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยมีครอบครัวทั้งภรรยาและลูกชาย 2 คน “น้องเก่ง” คนโตอายุ 6 ปี กับ “น้องเก้ง” คนเล็กอายุ 9 เดือน ซึ่งนำกะหล่ำปลีที่เป็นผลผลิตจากไร่ของครอบครัวบรรทุกเต็มท้ายรถยนต์กระบะมาคอยรอรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ ก่อนที่ทั้งหมดจะช่วยกันนำกะหล่ำปลีไปส่งขายให้กับลูกค้าในตัวเมืองเชียงใหม่ อย่างอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ถือเป็นภาพความประทับใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเป็นการได้พบและอยู่ด้วยกันเป็นครั้งแรกในชีวิตระหว่างนายวิฑูรย์ กับ “น้องเก้ง” เพราะตอนที่นายวิฑูรย์ เดินทางไปทำงานนั้น ภรรยายังตั้งท้องอยู่ 7 เดือน

ทั้งนี้นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า เหตุที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลนั้น เพราะต้องการหาเงินมาใช้หนี้ให้กับครอบครัวทั้งเงินกู้เพื่อทำการเกษตร และเงินกู้ซื้อรถมาไว้บรรทุกพืชผลทางการเกษตร โดยไปทำงานอย่างถูกตามกฎหมาย แต่ต้องลงทุนกู้เงินมามากกว่า 1 แสนบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ,ค่าเดินทางและค่าครองชีพในเบื้องต้น ซึ่งช่วงแรกไปทำงานค่าเงินบาทดีทำให้ได้เงินแต่ละเดือนกว่า 5 หมื่นบาท แต่พอค่าเงินลดก็เหลือเดือนละ 4 หมื่นกว่าบาท ส่วนใหญ่แบ่งเงินส่งกลับบ้านมาใช้จ่ายในครอบครัว และชำระหนี้สิน แต่ไปทำได้เพียง 1 ปีกับ 1 เดือน ก็มาเกิดเหตุการณ์สงครามการสู้รบขึ้นเสียก่อน โดยแคมป์แรงงานที่ตนเองไปทำงานเก็บผักนั้นอยู่ที่เมืองเนติวูด ประเทศอิสราเอล ที่อยู่ห่างจากฉนวนกาซาเพียง 23 กิโลเมตร ซึ่งตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์สงครามเกิดขึ้นก็ต้องหยุดทำงานและอยู่แต่ในแคมป์คนงานเท่านั้น แม้ว่านายจ้างจะช่วยดูแลเรื่องอาหารการกิน แต่ไม่ได้เงินค่าแรงเพราะไม่ได้ออกไปทำงาน


โดยสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างยากลำบาก เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้ หากต้องการอะไรต้องฝากนายจ้างทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่ไร่ที่ตัวเองทำงานั้นมีแต่ทหารกับรถถัง และยุทโธปกรณ์ ที่ทางการอิสราเอลส่งกำลังทางภาคพื้นดินเข้ามาปิดล้อมประชิดชายแดน ตั้งแต่หลังวันที่ 7 ต.ค.66 เป็นต้นมา ที่มีการระดมยิงกันอย่างหนักได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดแทบจะทุกนาที ซึ่งแรงงานไทยทุกคนที่อยู่ด้วยกันต่างกลัวตายกันหมด แต่มีหลายคนที่ยังตัดสินใจอยู่ตามที่นายจ้างขอร้อง ขณะที่ส่วนใหญ่ต้องการเดินทางกลับเนื่องจากไม่รู้ว่าสงครามจะยุติเมื่อใด อีกทั้งไม่ได้ออกไปทำงานก็มีแต่ค่าใช้จ่าย ซึ่งการเดินทางกลับมาของตัวเองในครั้งนี้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท เพราะติดต่อผ่านสถานทูตเพื่อขอเดินทางกลับแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงขอให้นายจ้างช่วยหาซื้อตั๋วเครื่องบินให้ ซึ่งต้องรอ 4-5 วันกว่าจะได้ตั๋ว เพราะตั๋วเต็มตลอด โดยในเที่ยวบินที่ตัวเองกลับมานั้น พบว่ามีแรงงานไทยประมาณ 200 คน และเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินเองเหมือนกัน

นอกจากนี้นายวิฑูรย์ บอกว่า สรุปแล้วที่ไปทำงานมานาน 1 ปี 1 เดือน เงินที่ได้มาเพิ่งนำผ่อนชำระเงินที่กู้มาเพื่อเดินทางมาทำงานหมด แต่ยังไม่ทันจะได้หาเงินเพื่อจ่ายหนี้ค่ารถที่ซื้อไว้ได้เลย กลับต้องมาเผชิญกับสถานการณ์สงครามเสียก่อน ทำให้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพราะอยากมีชีวิตกลับมาเห็นหน้าและได้อยู่กับลูกเมีย โดยเฉพาะลูกคนเล็กที่ก่อนไปทำงานยังอยู่ในท้องแม่ และตลอดเวลาที่ผ่านมาได้แต่วิดีโอคอลหากันเท่านั้น ซึ่งจากนี้วางแผนเบื้องต้นว่าคงจะกลับมาปลูกผักขายกับครอบครัวอย่างเดิม แม้ว่ารายได้จะไม่มากเท่าการไปค้าแรงงานที่อิสราเอล แต่คงไม่ขอกลับไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว ทั้งนี้อยากวอนให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาแรงงายไทยที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับตัวเองด้วย เพราะไปทำงานยังไม่ทันจะได้เงินเก็บเลยแต่ก็ต้องหนีตายกลับมาเสียก่อน โดยบางคนยังทำงานหาเงินใช้หนี้ค่าเดินทางไปไม่หมดเลยด้วยซ้ำ อย่างตัวเองก็เหมือนไปทำงานเสียเวลา 1 ปีกว่าไปฟรีๆ เพราะกลับมาก็ยังมีภาระหนี้สินที่ต้องหาเงินมาชดใช้กันต่อไป.








กำลังโหลดความคิดเห็น