ศูนย์ข่าวศรีราชา - อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี สนธิกำลังหลายหน่วยนำหมายศาลบุกปิด ยึดเครื่องจักรโรงหลอมลอบเผาโลหะใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังเตือนหลายครั้งทำชาวบ้านเดือดร้อน สั่งให้ปิดปรับปรุง 4 ครั้งแต่ยังนิ่ง พร้อมจับแรงงานต่างด้าว ผู้ดูแลชาวจีนดำเนินคดี
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (24 ต.ค.) น.ส.อังสุมาลิน ฉัตรสุวรรณวารี อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ได้สนธิกำลังร่วม นางอารีรัตน์ สิงห์โตทอง นายก อบต.หนองอิรุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองชลบุรี รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นกว่า 50 คน บุกเข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวภายในโรงหลอมซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.5 บ้านตาลดำ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมจับกุมผู้ดูแลโรงหลอมดังกล่าวซึ่งเป็นชาวจีน
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นภายในโรงหลอมยังพบคนงานกำลังช่วยกันลักลอบเผาโลหะจนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ซึ่งการกระทำของโรงหลอมดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน เด็กและพระสงฆ์มานาน ถึงขั้นบางรายมีอาการแพ้ที่ผิวหนัง แสบจมูก หายใจติดขัด
ที่สำคัญก่อนหน้านี้ จังหวัดชลบุรีและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ได้เคยมีคำสั่งให้เจ้าของโรงงานทำการปิดปรับปรุง แต่ยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ายังคงมีการลักลอบทำงานอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องขอหมายศาลจังหวัดชลบุรี เข้าทำการตรวจค้นและรื้อเครื่องจักรเพื่อป้องกันไม่ให้มีการดำเนินงานได้อีก
น.ส.อังสุมาลิน ยังเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รวมตัวกันประท้วงโรงงานแห่งนี้ที่มีการลักลอบหลอมและเผายาง จนส่งกลิ่นเหม็นและทำให้สุขภาพตนเองและลูกหลานแย่ลงไปแล้วครั้งหนึ่ง และยังได้เคยนำโลงศพวางขวางทางออกโรงงาน รวมทั้งถือป้ายเรียกร้องไม่เอาโรงงานเพื่อขอให้หยุดประกอบกิจการแต่ก็ไม่เป็นผล
“โรงงานแห่งนี้ขออนุญาตก่อสร้างโกดังเพียงแค่ 1 หลัง แต่จากการเข้าตรวจสอบพบว่ามีโกดังมากถึง 3 หลัง อีกทั้งยังมีเครื่องจักรเกินกว่า 150 แรงม้า ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีสั่งให้หยุดกิจการเพื่อแก้ไขปรับปรุง ถึง 4 ครั้งแต่ยังดื้อดึง วันนี้จึงได้นำหมายศาลจังหวัดชลบุรี เข้ายึดทรัพย์สินภายในโรงงานทั้งหมด รวมถึงจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ทำงานไปตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง ผู้ดูแลกิจการต้องมีความผิดเพิ่มด้วย”
อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ยังบอกอีกว่าหลังจากนี้หากเจ้าของกิจการได้ทำการปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหาแล้วต้องการจะเปิดกิจการอีกครั้ง จะต้องมีการทำประชาคมใหม่เพื่อสอบถามความต้องการของชาวบ้านด้วยเช่นกัน
