นครราชสีมา-แรงงานไทยในอิสราเอล เผยวินาทีขีปนาวุธยิงขึ้นฟ้าสุดสะพรึง คิดถึงลูกเมียอยู่เมืองไทย แต่จะกลับบ้านก็เสียดายเงินเดือนสุดท้าย 70,000 บาท ต้องทนอยู่จนได้เงินก้อนสุดท้าย ก่อนตัดสินใจกลับบ้าน ยันไม่ขอกลับไปอิสราเอลอีกแล้ว
วันนี้ (23 ต.ค.) ที่บ้านเลขที่ 71 หมู่ที่ 2 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านนายชาญชัย ชิดโคกสูง อายุ 31 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล เพิ่งเดินทางกลับมาประเทศไทยเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยมีครอบครัว พ่อ แม่ ภรรยา และลูกชาย 2 คน อยู่ต้อนรับการกลับมาบ้านอย่างพร้อมหน้า ซึ่งที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง มีการผูกแขนเรียกขวัญจากญาติพี่น้อง ที่มาผูกแขนกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
นายชาญชัย ชิดโคกสูง แรงงานไทยในอิสราเอลที่เพิ่งเดินทางกลับถึงบ้าน เปิดเผยว่า ตนเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 3 เดือนกว่า โดยทำงานเก็บมะเขือเทศอยู่ในหมู่บ้านเยชา โซนโมชาร์ฟยูอัพ ภาคกลางตอนใต้ของประเทศอิสราเอล ห่างจากฉนวนกาซ่า ประมาณ 6-7 กิโลเมตร วันแรกที่ทางกลุ่มฮามาส บุกเข้ามายิงประชาชนในประเทศอิสราเอล (7 ต.ค.) ตนกำลังนอนอยู่ในแคมป์คนงาน ก็ได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนเตือน นายจ้างแจ้งให้คนงานออกมาจากแคมป์คนงานเพื่อวิ่งเข้าไปหลบในบังเกอร์
พวกตนวิ่งเข้าไปหลบกันทุกคน ระหว่างที่หลบอยู่ในบังเกอร์หลายชั่วโมง ได้ยินทั้งเสียงขีปนาวุธ เสียงระเบิด และเสียงปืนยิงดังอย่างต่อเนื่อง ตอนกลางคืนส่องดูบนท้องฟ้าเห็นแสงจรวดยิงเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถามรุ่นพี่ที่ไปทำงานก่อน ก็บอกว่าที่นี่เกิดเหตุยิงกันทุกปี แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง ตอนนั้นก็ได้แต่ติดตามข่าวทางสื่อโซเชียลต่างๆ ที่เป็นกลุ่มแรงงานไทยด้วยกันส่งแจ้งมา ก็รู้แล้วว่ามีการบุกโจมตีภาคพื้นดินด้วย มีคนถูกกราดยิงเสียชีวิตจำนวนมาก จึงรู้สึกกลัวมาก
อยากจะกลับบ้านที่เมืองไทย เพราะคิดถึงภรรยา และลูก 2 คนมาก โดยลูกชาย 2 คน ตอนนี้อายุ 8 ขวบ กับ 5 ขวบ แต่ที่ยังไม่กลับ เพราะอยากจะได้เงินเดือนก้อนสุดท้าย 70,000 บาทก่อน เนื่องจากอุตส่าห์อดทนทำงานกว่าจะผ่านมาได้แต่ละวัน ลำบากมาก ถ้ากลับก่อนนายจ้างจะไม่ให้เงินเดือน จึงต้องทนอยู่ถึงวันจ่ายเงินเดือนคือวันที่ 12 ต.ค.ไปแล้ว ซึ่งหลายคนที่กลับบ้านก่อน โดยที่ไม่ได้รับเงินเดือน 2-3 เดือนก็มี
หลังจากได้รับเงินเดือนแล้ว เมื่อทราบข่าวว่ารัฐบาลไทย จะส่งเครื่องบินมารับ จึงได้ตัดสินใจแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับบ้านด้วย ซึ่งตอนที่ตนเองเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ก็ไปยืมเงินน้ามาเกือบ 100,000 บาท โชคดีที่น้าบอกว่าไม่คิดดอกเบี้ย ถ้าอยากกลับมาบ้านก็กลับมาเลย แล้วค่อยหาเงินมาผ่อนจ่ายหนี้ทีหลังได้ ทำให้ตนไม่รู้สึกกังวลนัก
หลังจากนี้ระหว่างที่หางานใหม่ก็จะช่วยแม่ขายของอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่ง “เจ๊นางกะเพราถาด” ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา ไปพลางๆก่อน ส่วนจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลต่อหรือไม่นั้น ตนตัดสินใจดีแล้วว่าไม่ต้องการไปอีกแน่นอน ขอทำงานอยู่ที่เมืองไทยดีกว่า ถึงแม้ว่าจะได้เงินน้อย แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่กับลูกกับเมีย สบายใจกว่าเยอะ