ศูนย์ข่าวศรีราชา - พสกนิกรในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกพร้อมใจจัดพิธีวางพวงมาลา ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 59 วินาที เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช
ช่วงเช้าวันนี้ (23 ต.ค.) นายวรจักร สถาพรภิญโญ นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา พร้อมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 59 วินาที ที่ด้านหน้าพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หน้าที่ว่าการอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องในวันปิยมหาราช
และยังเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ จนได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน”
โดยมี นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง นายเอกสิทธิ์ อ่ำฉอ้อน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอศรีราชา ผู้นำท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม
เช่นเดียวกับ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ได้นำข้าราชการและพสกนิกรในพื้นที่ ร่วมในพิธีวางพวงมาลาและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 59 วินาที ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เช่นกัน
โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ศาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการเข้าร่วม
และที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้นำข้าราชการ ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสมาคมองค์กรภาคเอกชน ข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ร่วมในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2396 เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2411 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 สิริพระชนมายุ 57 พรรษา
โดยตลอดระยะเวลากว่า 42 ปีที่พระองค์ทรงปกครองสยามประเทศ พระองค์ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ทรงพระปรีชาสามารถยากที่จะมีพระมหากษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือน ทรงดำเนินรัฐประศาสโนบายอันสุขุมคัมภีรภาพยิ่งทำให้สามารถรักษาเอกราชของชาติประเทศมิให้ตกเป็นเมืองขึ้นแก่ประเทศมหาอำนาจตะวันตก ทรงปรับปรุงระบบการบริหารราชการแผ่นดินให้ก้าวหน้าทันสมัย
ทรงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากจตุสดมภ์ เป็นกระทรวง ทบวง กรม ทรงริเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้า ทรงปรับปรุงระบบการคมนาคมขนส่ง การไฟฟ้าการไปรษณีย์ การโทรเลข ทรงตั้งโรงเรียน หลวงสำหรับราษฎรขึ้นตามวัดต่างๆ ทรงปรับปรุงการทหาร เพื่อให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ที่สำคัญยิ่งคือ ทรงใช้กุศโลบายในการเลิกทาสโดยได้ทรงตราพระราชบัญญัติเลิกทาส เมื่อปีพุทธศักราช 2448 ปล่อยทาสให้เป็นไท โดยปราศจากการเสียเลือดเนื้อ เนื่องด้วยทรงเห็นว่าการมีทาส เป็นการลิดรอนสิทธิมนุษย์ไม่เสมอภาค ยังความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร