ระยอง - "ศรีสุวรรณ" เตรียมบุกกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หลังการแก้ปัญหาโรงงานลอบทิ้งและฝังกลบกากอุตสาหกรรมในเขตนิคมฯ ไทย-จีน และพื้นที่ใกล้เคียงใน ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไม่คืบ ซ้ำยังไม่มีการเอาผิด จนท.ฐานละเลย
จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และแกนนำชาวบ้านใน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่ลักลอบทิ้งและฝังกลบกากอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงใน ต.หนองละลอก รวมเนื้อที่มากถึง 21 ไร่ นานเกือบ 20 วัน
แต่จนถึงวันนี้ทางสมาคมยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ในการจัดการแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนไม่ว่าจะเป็นทั้งจากกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งถือเป็น 2 หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
แม้ชาวบ้านจะมีหลักฐานการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม อีกทั้งศูนย์ควบคุมมลพิษ จ.ระยอง ยังได้สุ่มตรวจตัวอย่างกากอุตสาหกรรมในจุดต่างๆ ที่พบเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจหาคุณสมบัติของกากอุตสาหกรรม และยืนยันว่า พบสารอินทรีย์อันตรายสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
ที่สำคัญยังพบสารตะกั่วที่มีค่าเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดจำนวนมากใน 6 จุดที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ซึ่งค่าสูงสุดถึง 16,900 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และต่ำสุดที่ 3,720 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องไม่เกิน 800 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
วันนี้ (22 ต.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้นำทีมงานเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดที่มีการลักลอบทิ้งและฝังกลบกากอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน อีกครั้ง โดยพบว่ามีความพยายามที่จะนำกากอุตสาหกรรมดังกล่าวไปกลบฝังในพื้นที่อีกแห่งที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน
อีกทั้งยังเชื่อว่าอาจจะมีการทำลายหลักฐานด้วยการนำดินเปล่ามากลบหน้าดินไว้ เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายและถือว่าเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัด กรมโรงงาน และ กนอ.โดยชัดเจน
"หลักฐานที่เห็นด้วยตาเปล่าเช่นนี้ ทางสมาคมจะนำไปทวงถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป" นายศรีสุวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ เจ้าของโรงงานที่ลอบนำกากอุตสาหกรรมทิ้งนอกจากพื้นที่ฝังกลบ ซ้ำยังอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านใช้ในการอุปโภคบริโภค อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้วนั้น ย่อมมีความผิดฐานนำกากอุตสาหกรรมออกนอกโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และกรมโรงงานจะต้องแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของกากอุตสาหกรรม ตามมาตรา 37 วรรค 1 เรื่องการนำกากอุตสาหกรรมมากองนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตตามข้อ 9 ประกอบข้อ 12 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องกำจัดสิ่งปฏิกูล พ.ศ.2548 และต้องรีบขนย้ายกากอุตสาหกรรมออกไปกำจัดทางวิชาการให้หมดสิ้นไป