สระแก้ว - ทหารกองกำลังบูรพา สนธิกำลังร่วม ตม.สระแก้ว ตร.ท่องเที่ยวสกัดเข้มแรงงานกัมพูชาลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติแนวชายแดน ล่าสุดรวบได้ 6 รายสารภาพเตรียมเดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ชลบุรี
จากกรณีที่ พล.ต.เทพพิทักษ์ นิมิตร ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดน จ.สระแก้ว วางมาตรการคุมเข้มปิดตายช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดนด้าน จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศบริเวณช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน ตามนโยบายของ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก
พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ ผู้บังคับการ ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 12 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อัศวิน เสาทอง ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ประสานความร่วมมือไปยัง พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.คลองลึก พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.สระแก้ว และ พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ สว.ส.ทท.สระแก้ว
สนธิกำลังออกลาดตระเวนและเฝ้าตรวจตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมที่แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชามักใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้าประเทศไทย
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) ได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และหญิง 3 ราย พากันหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระเดินเท้าข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทยที่บริเวณท้ายหมู่บ้านท่าข้าม ต.ท่าข้าม ก่อนจะเดินเท้าลัดเลาะตามป่าละเมาะมุ่งหน้าจะเข้า อ.อรัญประเทศ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและควบคุมตัวเพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทย และไม่สามารถนำมาแสดงได้ การตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
จึงควบคุมตัวทั้ง 6 รายไปทำการซักถามเบื้องต้นที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 จต.อ.20 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ
ขณะที่ชาวกัมพูชาทั้ง 6 รายยอมรับว่าเดินทางมาจาก จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เพื่อลักลอบเดินทางเข้าไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากอยู่ที่บ้านเกิดไม่มีงานทำ และมีฐานะยากจนจนต้องดิ้นรนเข้ามาหางานทำงานในประเทศไทย โดยมีเพื่อนชาวกัมพูชาติดต่อให้และไม่มีผู้นำพาแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อผลักดันกลับประเทศต่อไป
