สระแก้ว - ส.ส.สระแก้ว ร่วมเครือข่ายช่วยเหลือกลุ่มคนไทยถูกหลอก ช่วย 7 เด็กไทยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกทำงานเมืองบาเวต ประเทศกัมพูชา ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ญาติเผยถูกทรมาน ทำร้าย ให้อดมื้อกินมื้อ
วันนี้ (20 ต.ค.) เครือข่ายช่วยเหลือกลุ่มคนไทยถูกหลอกทำงานในต่างแดน (เหยื่อค้ามนุษย์) พร้อมทีมงานของ นายสรวงศ์ เทียนทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จ.สระแก้ว นำโดย นายวีรพงษ์ เพชรสิทธิโยธิน ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส. ได้นำญาติของคนไทยจำนวน 7 ราย ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมารอรับตัวคนไทยทั้ง 7 รายกลับบ้าน
หลังได้รับการช่วยเหลือให้เดินทางกลับไทยที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
โดย นางจรัส ทองพร้าว ซึ่งเป็นน้าสาวของ นายวรภพ จันมา อายุ 21 ปี ชาว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บอกกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่าหลานชายและเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 14-16 ปี ได้ใช้เอกสารบอเดอร์พาสข้ามแดนไปหางานในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันทราบข่าวว่าเด็กทั้งหมดถูกส่งตัวไปทำงานอยู่ที่เมืองบาเวต จ.สะวายเรียง ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศเวียดนาม
และในช่วงที่ต้องทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลานชายมักจะแอบแจ้งผ่านทางไลน์ว่าถูกทำร้ายร่างกายและทุบตีอยู่บ่อยครั้ง และในบางครั้งยังถูกทำโทษด้วยการให้ยกถังน้ำขนาด 20 ลิตรเป็นเวลานาน ส่วนอาหารการกินต้องอยู่แบบอดมื้อกินมื้อ
"หลานชายเล่าให้ฟังว่าเหตุผลหลักที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะใช้เป็นข้ออ้างในการทำร้ายร่างกายคนไทยคือ ทำยอดไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด สุดท้ายเราต้องตัดสินใจร่วมกับญาติของเด็กคนอื่นๆ ที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งขอความช่วยเหลือมาสำนักงาน ส.ส.สระแก้ว เขต 3 ใน อ.อรัญประเทศ ด้วย” นางจรัส กล่าว
ด้าน นายวีรพงษ์ เพชรสิทธิโยธิน ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.เขต 3 จ.สระแก้ว บอกว่าหลังได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส.ส.สรวงศ์ จึงได้ข้อมูลที่มีอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา
กระทั่ง นายปานปรีย์ มหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้มีการประสานงานไปยังเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในฝั่งกัมพูชา เข้าช่วยเหลือเด็กทั้ง 4 คน
“ในวันนี้นอกจากจะช่วยเหลือเด็กทั้ง 4 คนได้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกอีก 3 คน รวมเป็น 7 คนให้เดินทางกลับประเทศได้ และเมื่อเด็กๆ ทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการเปรียบเทียบปรับของทางการกัมพูชาแล้วจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์จากทีมของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อสืบหาต้นตอการค้ามนุษย์ต่อไป” นายวีรพงษ์ กล่าว