นครพนม - นานกว่า 2 สัปดาห์ที่เมียและลูกชายวัย 8 ขวบรอการติดต่อกลับมาจากนายณัฐพงษ์ หลังได้คุยกันครั้งสุดท้ายก่อนเที่ยง 7 ตุลาคมวันเกิดเหตุกลุ่มฮามาสบุกกราดยิงในอิสราเอลตอนใต้ เผยสามีเป็นเสาหลักครอบครัว วอนทางการช่วยตามหาจะเป็นหรือตายยอมรับได้ทั้งนั้น ทุกวันนี้อยู่อย่างทุกข์ใจ ซ้ำมีหนี้สินก้อนใหญ่ให้ต้องแบก
วันนี้ (19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านโพธิ์ตาก ม.2 ต.โพธิ์ตาก อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อพบครอบครัวของนายณัฐพงษ์ ปินตา อายุ 35 ปี ที่ไปใช้แรงงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลได้ 1 ปี 4 เดือน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มฮามาสบุกกราดยิงประชาชนชาวอิสราเอลรวมถึงแรงงานไทยในอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหลายพันคน และมีแรงงานไทยเสียชีวิตแล้วในขณะนี้ 30 ราย บาดเจ็บ 16 คน รวมทั้งถูกจับควบคุมเป็นตัวประกันอีก 17 คน
นางไกรษร น้อยเหล็กดี อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของนายณัฐพงษ์ บอกว่า ลูกเขยไปทำงานสวนผลไม้ อยู่แคมป์คนงานด้วยกัน 19 คน รอด 3 คน เพราะออกไปข้างนอก ตนมีความกังวลห่วงลูกเขย ถ้ายังมีชีวิตอยู่อยากให้ติดต่อกลับมา ปกติติดต่อกันทางเฟซบุ๊กเกือบทุกวัน วันเกิดเหตุ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 11.00 น.ยังติดต่อคุยกับภรรยาได้อยู่ เขาบอกว่ากำลังวิ่งเพื่อหาที่กำบัง แต่จู่ๆ สัญญาณโทรศัพท์ก็ได้หายไป ติดต่อกันไม่ได้เลยตั้งแต่วันนั้น จนถึงตอนนี้ ยิ่งทำให้เป็นห่วงมากยิ่งขึ้น
สำหรับนายณัฐพงษ์ ปินตา หรือนิค เป็น 1 ในจำนวน 17 คนที่กลุ่มกองกำลังฮามาสได้จับควบคุมเป็นตัวประกันตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 66 จนถึงวันนี้กว่า 2 สัปดาห์แล้ว จนขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ด้านนางสาวนริศรา จันทะแสง หรือน้องแพน อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยา เล่าให้ฟังว่าตนได้แต่งงานกับนายณัฐพงษ์มา 10 ปี มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน คือน้องไบเบิ้ล อายุ 8 ขวบ ทุกวันนี้ไม่ได้ข่าวความคืบหน้าของสามีจากทางการใดๆ จึงยังไม่รู้ชะตากรรมของเขา ตนทำได้แต่เพียงรอความหวังว่าปฏิหาริย์จะมีจริงและสวดภาวนาขอให้สามีปลอดภัยทุกคืน แต่ละคืนที่ผ่านมาตนรู้สึกทรมานจิตใจมาก ทุกวันนี้ก็นอนไม่หลับ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ว
ส่วนภาระที่หนักและทุกข์ใจมากในขณะนี้ คือเรื่องหนี้ ธ.ก.ส.ที่กู้ยืมมาหลายแสนบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการไปทำงานที่อิสราเอล เพราะครอบครัวคาดหวัง นายณัฐพงษ์คือเสาหลักของครอบครัว ไปทำงานหาเงินเพื่อมาช่วยแก้ปัญหาหนี้สินต่างๆ ทั้งค่างวดรถ จ่ายหนี้ ธ.ก.ส.ที่กู้ยืม รวมถึงค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ส่วนตนนั้นไม่มีอาชีพ เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว อยากให้ทางการช่วยติดตามหาสามีให้พบ ไม่ว่าจะตายหรือยังมีชีวิตตนก็พร้อมยอมรับ เพียงขอให้รู้ความจริงเท่านั้น
“อยากให้สามีรู้ว่าฉันนั้นรักสามีมาก ลูกก็บอกว่าคิดถึงพ่อทุกวัน อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และถ้าหากกลับมาจะไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลแล้ว” นางสาวนริศรากล่าวด้วยความเศร้า
