อุทัยธานี - “ชาดา” กลับบ้าน เชิญกำนัน-ผญบ.-อปท.ทั้งจังหวัดฯ กำชับเข้มร่วมสแกนปัญหายาเสพติด-ผู้มีอิทธิพล-อาวุธปืน ย้ำทำ “อุทัยธานี” เป็นจังหวัดสีขาวนำร่อง เผยจ่อคืนปืนที่ครอบครองอยู่ พร้อมเดินหน้าคุมเข้มการซื้อขายทั้งปืนยันลูกกระสุน
วันนี้ (8 ต.ค. 66) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่-ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ที่ห้องประชุมชฎาแกรนด์ฮอลล์ โรงเรียนอนุบาลเมืองอุทัยธานี โดยมีนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย และคณะ พร้อมด้วยนายธีรพัฒน์ คัชมาตร์ ผู้ว่าฯ อุทัยธานี นายอลงกรต วรกี รองผู้ว่าฯ นายเผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยธานี ตลอดจนนายก อบต./เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 8 อำเภอทั่วจังหวัดเข้าร่วม
ซึ่งได้มีการรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำภายในจังหวัด ก่อนกล่าวถึงนโยบายการดำเนินงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ ปัญหายาเสพติด อาวุธปืน และการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน เพื่อให้จังหวัดอุทัยธานีนำร่องเป็นจังหวัดสีขาว
ผู้ว่าฯ อุทัยธานีระบุว่า หลังตอนบนของประเทศประสบปัญหาอุทกภัยและฝนตกหนัก ทำให้มวลน้ำไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรังมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถควบคุมบริหารจัดการน้ำได้ อย่างไรก็ตาม จังหวัดได้ประชุมเตรียมพร้อมป้องกันปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มต่ำที่อาจเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งได้
ซึ่งได้มีการวางแผนการบริหารการจัดการน้ำ 2 ด้าน คือ 1. การเตรียมความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ทั้งการป้องกัน การเผชิญเหตุ และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย 2. การหน่วงน้ำเพื่อเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง บรรเทาผลกระทบจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีปริมาณต่ำกว่าปกติ และผลกระทบที่จะเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
โดยใช้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านจักษา สูบน้ำเจ้าพระยาส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีแหล่งเก็บน้ำ เพื่อเก็บกักสำรองไว้ มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เป็นต้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว ตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย คือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข นำไปสู่ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขของพี่น้องประชาชน
โอกาสนี้ นายชาดาได้เน้นย้ำให้นโยบายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ยาเสพติด อาวุธปืน และการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างตรงจุดและทั่วถึง ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านปรับตัวในการเข้าถึงประชาชนทันสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้จังหวัดอุทัยธานีนั้นเป็นจังหวัดนำร่องของการเป็นจังหวัดสีขาว
นายชาดาเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า วันนี้ได้มารับฟังสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งทางผู้ว่าฯก็ได้มีการรายงานมาแล้วว่า ได้มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างดี จึงได้ถือโอกาสนี้เชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นทั้งจังหวัดเข้ามาพูดคุยกันว่าต่อไปนี้จะทำให้อุทัยธานีเป็นพื้นที่สีขาว
กำชับให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กำกับการ ทุกท้องที่สแกนปัญหาเรื่องของยาเสพติดเป็นปัญหารุนแรงของประเทศ เพื่อจะทำให้อุทัยธานีเป็นพื้นที่สีขาวให้ได้ ซึ่งต้องเข้ามาช่วยกันทุกฝ่าย
ส่วนเรื่องผู้มีอิทธิพลนั้นจังหวัดอุทัยธานี ไม่มีผู้มีอิทธิพล ทุกคนได้รับการสแกนตรวจสอบอย่างดี ทางจังหวัดก็ได้ลงเข้าไปตรวจสอบหมด นายอำเภอ ผู้กำกับฯ ก็ได้ลงเข้ามาช่วยกัน ตามที่เคยมาชี้แจงนโยบาย ซึ่งก็จะเดินทางไปทุกจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศด้วย เราคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน
“พื้นที่ต่างจังหวัดยกเว้นกรุงเทพฯ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นตัวหลักอยู่แล้ว แต่จะครอบคลุมทุกพื้นที่ก็ต้องมาดูเรื่องยาเสพติด ดูเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ตลอดจนเรื่องการรังแกประชาชนอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะไม่ยอมให้เกิด ตอนนี้เราก็ได้มีการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ซึ่งก็ได้รับการรายงานมา เช่นที่จังหวัดขอนแก่น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ลงไปดำเนินการจับได้คาหนังคาเขา ต่อไปนี้ก็จะมีแบบนี้เข้ามาเรื่อยๆ และต้องขอใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านว่าสามารถแจ้งเรื่องเข้ามาได้ ไม่ว่าจะเป็นทางศูนย์ดำรงธรรม หรือตามเบอร์โทรศัพท์ที่ผมได้แจ้งเอาไว้”
สำหรับเรื่องอาวุธปืนนั้น นายชาดาบอกว่าตอนนี้ก็เตรียมที่จะทำเรื่องคืนปืนที่ตัวเองครอบครอง (23 กระบอก) อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะคืนกระบอกไหนดี แต่ก็คงต้องคืน เพราะเดี๋ยวกฎหมายเรื่องนี้ก็จะเข้มข้นมากขึ้นตามมาด้วย แม้กระทั่งลูกกระสุนปืน จะให้มีการครอบครองได้คนละไม่เกิน 12 นัดเท่านั้น และหากจะซื้อ ก็จะต้องมีการทำเรื่องขออนุญาตเหมือนกับการซื้อปืนด้วย โดยขณะนี้มหาดไทยได้สั่งระงับการซื้ออาวุธปืน ตลอดจนการโอนต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไปทั้งหมดแล้ว
