นครปฐม - ทนายความวัดไผ่ล้อม ยื่นถอนฟ้องอัมรินทร์ทีวี ตั้งแต่ผู้ประกาศข่าว บรรณาธิการ ผู้บริหารรวม 9 คน คงเหลือเพียง “จาตุรงค์ จงอาษา” นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา คาดว่าจะใช้สิทธิในชั้นศาล ขณะที่หลวงพี่น้ำฝน เผยสื่อได้เข้ามาหารือเจรจาและขอขมา จนเป็นที่เข้าใจ พระทำได้คือให้อภัย
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ศาลาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความเผยว่า จากกรณีที่ได้รับมอบอำนาจจากพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ฟ้องร้องนายจาตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา หลังจากได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยกระทำเข้าข่ายในการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยรวมถึงผู้ประกาศ บรรณาธิการข่าว ผู้บริหาร รวมทั้งหมด 10 คน โดยเป็นการฟ้องร้องในคดีอาญาเพื่อเป็นการรักษาสิทธิที่ถูกพาดพิงตามกระบวนการทางกฎหมาย
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ตนได้เดินทางไปศาลจังหวัดนครปฐม เพื่อถอนฟ้องผู้ประกาศข่าว บรรณาธิการข่าว รวมถึงผู้บริหารสื่อ ซึ่งเป็นจำเลยลำดับที่ 2 ถึงลำดับที่ 10 เนื่องจากเมื่อ 2-3 วันก่อน ได้มีการเข้ามาเจรจาทำความเข้าใจและขอขมาหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งท่านเมตตาได้มอบหมายให้ตนไปทำการยื่นคำร้องถอนฟ้อง คงเหลือเพียงนายจาตุรงค์ เพียงคนเดียว ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้สิทธิในชั้นศาล ซึ่งกไม่ได้เป็นปัญหา โดยจะมีการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 ตุลาคมนี้
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่ออีกว่า หลวงพี่น้ำฝน ไม่ได้มีเป้าประสงค์อะไรเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากผู้บริหารของสื่อได้มาพูดคุยซึ่งให้แนวทางว่าคณะสงฆ์ได้ทำอะไรไปบ้างและให้ความสนใจที่จะนำเรื่องราวการทำงานของคณะสงฆ์ไปเผยแพร่ แต่มีบางข้อมูลบางข่าวที่ประชาชนไม่ได้เข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับคณะสงฆ์ เมื่อฟังข่าวที่นำเสนอออกไปอาจจะทำให้เข้าใจผิด แต่เมื่อได้เข้ามาพบ ได้เจอกับตัวเองจะเข้าใจ
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการยื่นฟ้องร้องนายจาตุรงค์ นั้นเป็นเพราะครั้งแรกมีการดูหมิ่น ด้อยค่า หมิ่นประมาทหลวงพี่น้ำฝน ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และทางหลวงพี่น้ำฝน ไม่เคยตอบโต้เลย และบุคคลเหล่านี้มีการดูถูกพระ จาบจ้วงมาตลอดหากปล่อยไปแบบนี้จะเกิดความเสียหายจึงได้ตัดสินใจที่จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีในวันดังกล่าว
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า สำหรับการที่ทนายได้ไปทำการถอนฟ้องให้นั้น เพราะได้พูดคุยกันและมาขอขมา คือเขารู้ว่าเขาผิดซึ่งอาจจะทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายขอทางนั้นมาดูแล้วพิจารณาว่าจะต้องมาเจรจา ซี่งอาตมาเป็นพระเมื่อโยมทั้งหลายมาขอขมาต้องให้อภัย ส่วนคนที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษต้องว่ากันไปตามยถากรรม ซึ่งเราอยู่ในหลักประชาธิปไตย เราต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย โดยอาตมาเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์ทั่วไปที่เอาความเป็นธรรม และไม่ได้มาค้าความ แต่ต้องออกมารักษาสิทธิ และถ้าอาตมาทำผิดจะมีคณะสงฆ์ในการปกครองดูแล หากกระทำความผิดจะมีกระบวนการในการดำเนินอยู่แล้ว