xs
xsm
sm
md
lg

คุ้มไม่คุ้ม! งบ 72 ล้านซื้อเรือกู้ภัยเมืองพัทยาใช้งานไม่กี่ปีเสียจนต้องขายทอดตลาดแต่ไม่มีใครเอา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - คุ้มไม่คุ้ม! งบ 72 ล้านบาท จัดซื้อเรือกู้ภัยสุดหรูเมืองพัทยา ปี 2549 ใช้งานไม่นานเจอสภาพเสียรอการซ่อมปรับปรุงจนต้องจอดแช่ท่าเรือชื่อดังเมืองสัตหีบ สุดท้ายถูกผลักขายทอดตลาดตั้งราคา  6 ล้านบาท แต่ไร้เงาผู้ประมูล

วันนี้ (22 ก.ย.) นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการขายทอดตลาดพัสดุที่ชำรุดเสื่อมสภาพ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในราชการ ประจำปีงบประมาณ 2562 ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยมีภาคประชาชนที่สนใจทั้งในส่วนของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่ยื่นหนังสือเอกสารและลงทะเบียนเข้าร่วมด้วยการวางหลักประกันรายละจำนวน 7,000 บาทเข้าร่วม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสำนักพัสดุและทรัพย์สินเมืองพัทยา ได้นำพัสดุประเภทครุภัณฑ์ยานพาหนะกว่า 70 รายการ เช่น รถบรรทุก รถแบ็กโฮ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์กว่า 70 รายการ รวมทั้งครุภัณฑ์สำนักงานอีกจำนวนหนึ่งจัดแสดงเพื่อเปิดการประมูล โดยกำหนดราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000-200,000 บาท

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดประมูลในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมการประมูลจนทำให้พัสดุต่างๆ จำหน่ายได้หมดภายในเวลาอันรวดเร็ว


ขณะที่ไฮไลต์ของประมูลในครั้งนี้คือ เรือกู้ภัยตรวจการณ์ 801 ที่เมืองพัทยาได้รับการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดซื้อในราคากว่า 72 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อใช้ในภารกิจสำคัญทั้งการระงับเหตุดับเพลิงไหม้ทางทะเลและชายฝั่ง การปฐมพยาบาลและขนส่งผู้ป่วย โดยได้ตั้งราคาเปิดประมูลไว้ที่ 6 ล้านบาท แต่กลับไม่มีผู้สนใจเปิดราคาให้ประมูลแต่อย่างใด

ขณะที่ผู้เข้าร่วมการประมูลหลายรายระบุว่า เป็นการตั้งราคาที่แพงเกินไปเนื่องจากเรือลำดังกล่าวต้องมีการซ่อมบำรุงและปรับปรุงใหม่เป็นเงินจำนวนนับล้านบาท จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำพัสดุรายการนี้กลับเข้าสู่การพิจารณาและทบทวนการตั้งราคาก่อนเปิดประมูลขายทอดตลาดใหม่อีกครั้ง

สำหรับเรือปฏิบัติการกู้ภัยทางทะเล 801 เป็นเรือไฟเบอร์กลาส ขนาด 80 ฟุต สูง 2 ชั้น บรรจุผู้โดยสารได้จำนวน 50 คน เป็นเครื่องยนต์แบบ 8 สูบ 820 แรงม้า ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 22 นอต ภายในหอบังคับการมีเรดาร์จับสัญญาณใกล้เคียงรอบทิศ ตกแต่งอย่างดี มีเครื่องปรับอากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร

บริเวณชั้นล่างตกแต่งให้เป็นห้องพยาบาลมาตรฐานขนาด 3 เตียง มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกันนี้ยังเป็นเรือที่สามารถยิงน้ำดับเพลิงได้ในระยะทาง 70 เมตร ในความเร็ว 6,000 ลิตรต่อนาทีด้วยการสูบน้ำจากทะเล ซึ่งตามหลักการแล้วจะต้องมีภารกิจในการดูแลความปลอดภัยในน่านน้ำอ่าวพัทยาตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีกัปตันเรือ ผู้ช่วย พยาบาลวิชาชีพ ผู้ช่วยพยาบาล ทหารเรือ และช่างเครื่องประจำรวม 8-9 นาย


ส่วนภารกิจการดับเพลิง และรักษาพยาบาลนั้นถือว่าไม่ค่อยได้ใช้งานมากนักเนื่องจากเรือลำนี้กินน้ำมันเชื้อเพลิงมาก โดยระหว่างการเดินทางจากเมืองพัทยาไปเกาะล้านจะต้องเติมเชื้อเพลิงครั้งละประมาณ 5-6 หมื่นบาท จึงทำให้ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกนำมาใช้ในภารกิจต่างๆ และยังถูกนำไปจอดทอดสมอทิ้งไว้ที่ท่าเรือเอกชนใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนมีสภาพชำรุดและเสื่อมโทรม

กระทั่งในปี 2560 ที่ คสช.เข้ามากำกับดูแลและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเข้าบริหารราชการเมืองพัทยา จึงได้มีการหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาอภิปรายและซักถามในการประชุมสภา.ซึ่งได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเรือ ทั้งในส่วนของอุปกรณ์และระบบเครื่องยนต์ไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมบำรุง จึงมีการแนะนำให้นำเข้าในรายการพัสดุเพื่อรอจำหน่ายในการขายทอดตลาด

จนที่ผ่านมามักมีการร้องเรียนผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีหลายครั้ง แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องทำได้เพียงการชี้แจงเบื้องต้นเท่านั้น






กำลังโหลดความคิดเห็น