กาญจนบุรี - ฮือฮา! หมอนักพัฒนาลาออก ลงสู่สนามการเมืองท้องถิ่น มั่นใจชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.พร้อมดัน รพ.สู่ระดับพรีเมียม คนจนคนรวยต้องเสมอภาคเท่าเทียม
วันนี้ (15 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย ลาออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลเศรษฐา 1
ดังนั้น กกต.ประจำจังหวัดกาญจนบุรี และ กกต.ท้องถิ่น อบจ.กาญจนบุรี จึงได้กำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.กาญจนบุรี เพื่อหาคนใหม่มาดำรงตำแหน่งนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ว่างลง โดยได้กำหนดวันเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 11-15 ก.ย.66 รวม 5 วัน เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.ของทุกวัน ส่วนวันเลือกได้กำหนดเอาไว้ในวันที่ 22 ต.ค.66
ตั้งแต่เปิดรับสมัครนายก อบจ.แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้สมัครเพียงแค่รายเดียวคือ นายวรรษภณ แสงเป่า หรือทนายสุกวี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 1 พรรคก้าวไกล ที่เดินทางมาสมัครเมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 ส่วนวันที่ 12-14 ก.ย.บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เจ้าหน้าที่ กกต.ได้แต่นั่งจับเข่าคุยกันเพื่อรอให้เวลานั้นหมดไปในแต่ละวัน
ล่าสุด วันนี้ (15 ก.ย.) เป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี บรรยากาศโดยรวมเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากมีข้าราชการวงการแพทย์ที่มีชื่อเสียงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสู่ถนนทางการเมืองมาสมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ในนามทีมพลังกาญจน์ ของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คือนายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายแพทย์นักพัฒนาที่ลาออกจากรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี และ ผอ.รพ.ด่านมะขามเตี้ย
โดยนายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ได้เดินทางมาถึงห้องบุษราคัม อบจ.กาญจนบุรี สถานที่เปิดรับสมัครในเวลา 09.20 น.จากนั้นได้เข้าไปรับสมัครตามขั้นตอน โดยมีนายชูศักดิ์ แม้นทิม หรือ ส.ส.เจี๊ยบ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 2 รวมทั้ง ส.อบจ.กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์เกือบ 30 คน และประชาชนจำนวนมากเดินทางมามอบดอกกุหลาบและพวงมาลัยดอกดาวเรืองเพื่อเป็นกำลังใจให้นายแพทย์ประวัติ ซึ่งการสมัครตามขั้นตอนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ โดยนายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ได้หมายเลข 2 ในการใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้ นายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์ เบอร์ 2 เปิดเผยภายหลังว่า ความจริงแล้วผมเป็นคนเมืองกาญจน์โดยกำเนิด เกิดที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา หลังจากเรียนจบแพทย์กลับมาทำงานและใช้ทุนที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนตัวมีความตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่างในจังหวัดกาญจนบุรีให้มันดีขึ้น เมื่อครั้งนี้เป็น ผอ.โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย ผมทำให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าจริงๆทุกอย่างมันสามารถเปลี่ยนได้และสามารถทำให้ดีขึ้นได้ ผมจึงมีความคิดต่อยอดไปว่าถ้าทุกอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีของเราพัฒนาได้ผมจะทำให้ประชาชนมีชีวิตด้านสุขภาพที่ดีขึ้น
อย่างแรกเลยที่ผมจะทำคือเรื่องของโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันในหลายอำเภอควรที่จะมีโรงพยาบาลที่ดีได้แล้ว คนไข้จะต้องไม่อนาถาเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นเราจะต้องพัฒนาโรงพยาบาลให้มันดีขึ้นให้ได้ โปรเจกต์ในอนาคตอีก 2-4 ปีข้างหน้าโรงพยาบาลคงจะเป็นในลักษณะโรงพยาบาลของ อบจ.ที่คอยซัปพอร์ตคนกาญจนบุรี ที่ผ่านมาจุดเจ็บปวดของเราคือห้องพิเศษ
ที่ผ่านมา หากคนไข้มาโรงพยาบาลแล้วไม่มีเส้นสาย ไม่มีทางที่จะได้ห้องพิเศษ พูดตรงๆ คือถ้าคนไม่มีเส้นจะเข้าถึงการบริการยากมาก การจะได้ห้องพิเศษห้องหนึ่งนั้นเป็นอะไรที่ยากลำบาก ผมจึงมีความตั้งใจที่จะเข้ามาลบภาพเหล่านี้ทิ้งไป คนไข้ทุกคนจะต้องมีความเสมอภาค ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ใครจะยากดีมีจนทุกคนจะต้องมีสิทธิเข้าห้องพิเศษได้
ประเด็นนี้จึงเป็นโปรเจกต์หนึ่งที่ทางนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย อดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เคยคิดเอาไว้ก่อนแล้ว แต่สานต่อได้ยากเพราะติดปัญหาอะไรในหลายอย่าง แต่ครั้งนี้ตนเองจะมาสานต่อเพื่อให้มันเกิดเป็นรูปธรรม หนึ่งในนั้นคือเรื่องสาธารณสุข
ซึ่งเราจะพัฒนาโรงพยาบาล อบจ.รวมทั้ง รพ.สต.ให้ดีขึ้นในระดับพรีเมียม รวมทั้งเอาปูชนียบุคคลมาจากส่วนกลางมาช่วยในเรื่องของการยกระดับบัตรทอง 30 บาท จะเริ่มที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพราะปัจจุบันนี้ รพ.สต.ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของ อบจ.แล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะพัฒนา
ส่วนเรื่องการคมนาคม ถือว่าเป็นความโชคดีของคนเมืองกาญจน์ เพราะว่าท่านสุรพงษ์ ปิยะโชติ อดีตนายก อบจ.ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จากการที่ได้ฟังโปรเจกต์ของท่านรู้สึกตื่นเต้นเพราะอีก 2-4 ปีข้างหน้าเมืองกาญจน์จะเกิดการก้าวกระโดดในหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณแยกท่าล้อ แยกแก่งเสี้ยน แยกวังสารภี รวมทั้งเส้นทางเชื่อมระหว่างน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นไปอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณถนนพัฒนากาญจน์ ซึ่งจากที่ได้ฟังโปรเจกต์จากท่านรัฐมนตรีช่วยแล้วรู้สึกตื่นเต้นแทนชาวกาญจนบุรีเป็นอย่างมาก เพราะทั้งหมดคือความเดือดร้อนของประชาชนที่จะได้รับการแก้ไข
ส่วนเรื่องที่มีคนถามกันเยอะว่าตนเองอายุยังน้อยอนาคตทางราชการยังอีกยาวไกล ทำไมถึงตัดสินใจลาออกเพื่อมาเล่นการเมืองนั้น ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนไม่ยึดติดกับเรื่องรายได้ หรือความมั่นคงของชีวิตสักเท่าไหร่ แต่การตัดสินใจลาออกจากราชการเพราะต้องการลงมาช่วยทำงานให้ชาวกาญจนบุรี และพอดีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทาบทามผมมา การตัดสินใจจึงไม่ยากอะไรที่จะลาออกจากราชการ การลงสมัครนายก อบจ.ในครั้งนี้ผมมีความมั่นใจที่จะชนะการเลือกตั้ง เพราะสิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิตราชการประชาชนต่างรู้กันดี อีกทั้งเรามีทีมงานและหัวหน้าที่ดี จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้แน่นอน