บุรีรัมย์ - ใหญ่มาจากไหน! แชร์ว่อนโลกโซเชียลฯ คลิปรถตู้จอดขวางกลางสี่แยกเมืองบุรีรัมย์ ยืนโบกให้ขบวนรถตู้กว่า 30 คันวิ่งฝ่าสัญญาณไฟแดงจนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน ตำรวจบุรีรัมย์เร่งติดตามตัวคนขับรถตู้ที่ปรากฏในคลิปดำเนินคดี
วันนี้ (3 ส.ค.) สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปที่หลายคนตั้งคำถามว่า “ใช้อำนาจหรืออภิสิทธิ์อะไร” โดยเป็นคลิปที่มีคนขับรถตู้คันหนึ่งจอดขวางกลางสี่แยกภัทรบพิตร ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จากนั้นคนขับรถตู้คันดังกล่าวก็ลงมาจากรถแล้วยืนโบกให้สัญญาณขบวนรถตู้มากกว่า 30 คันที่วิ่งมาจากทางศูนย์ราชการจังหวัด วิ่งผ่านแยกและฝ่าสัญญาณไฟ มุ่งหน้าไปทางถนนสายบุรีรัมย์-ลำปลายมาศ ทั้งๆ ที่สัญญาณไฟเขียวไฟแดงก็ยังทำงานตามปกติ และมีรถวิ่งสัญจรผ่านไปมาพลุกพล่าน
จนช่วงระหว่างที่คนขับรถตู้ที่ลงมายืนโบกรถให้ขบวนรถผ่าน วิ่งขึ้นไปขับรถของตัวเอง ก็มีรถอเนกประสงค์สีดำซึ่งวิ่งมาจากฝั่งตัวเมืองบุรีรัมย์ จะมุ่งหน้าไปเส้นทาง อ.ประโคนชัย เพราะเป็นสัญญาณไฟเขียว แต่รถตู้ซึ่งน่าจะมากับขบวนกลับฝ่าไฟแดงโผล่ออกมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนกันได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเวลาประมาณ 11.00 น. วานนี้ (2 ก.ย.)
หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนมากต่างก็ตั้งคำถามว่าใช้อภิสิทธิ์อะไรในการจอดขวางและให้สัญญาณ ทั้งที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถาม พ.ต.ท.อานนท์ เหล็กดี รองผู้กำกับการจราจร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า การให้สัญญาณจราจรตามกฎหมายแล้วจะต้องเป็นเจ้าพนักงานจราจรเท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่สามารถกระทำได้ จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปที่คนขับรถตู้คันหนึ่งจอดขวางกลางถนนแล้วลงมาให้สัญญาณจราจรจนทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร เนื่องจากไม่ใช่เจ้าพนักงานจราจรแต่มาให้สัญญาณ ซึ่งตามกฎหมายมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2 พันบาท
อีกทั้งการหยุดรถต้องเป็นจุดที่กฎหมายกำหนดให้ และมีข้อยกเว้นคือทางร่วมทางแยกห้ามหยุดรถโดยเด็ดขาด ซึ่งในกรณีนี้ทางตำรวจกำลังติดตามหาตัวคนขับรถตู้ ที่ปรากฏในคลิปมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าคนขับรถตู้เป็นใคร และขบวนรถตู้ดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใด
ส่วนกรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็ตกลงไกล่เกลี่ยกันได้ อย่างไรก็ตามหากพิสูจน์แล้วว่าการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เกิดจากการที่คนขับรถตู้จอดขวางแล้วให้สัญญาณจราจรเองจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น คู่กรณีสามารถที่จะฟ้องเอาผิดฐานละเมิดได้เช่นกัน