ศรีสะเกษ - ตำรวจจับกุมมือปืนโหดรัว 5 นัดปลิดชีพปลัดอาวุโส อ.กันทรารมย์ได้แล้ว สารภาพแค้นต้องฆ่าเพราะถูกด่าเรื่องไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตั้งข้อหาหนักฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่นายอำเภอกันทรารมย์ยันการเสียชีวิตของนายบุญชอบไม่เกี่ยวกับงานในหน้าที่แต่อย่างใด
จากกรณีเกิดเหตุ นายบุญชอบ พวงจำปา อายุ 53 ปี ที่อยู่ 114 ม.11 ต.บัวน้อย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต ที่ถนนสาธารณะระหว่างบ้านโคก-บ้านหนองกี่ บริเวณตรงข้ามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองกี่ ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ต่อมา พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.กันทรารมย์ และชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ เร่งไล่ล่าจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยด่วนที่สุด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบล่าสุด เมื่อเวลา 10.15 น. วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนสาธารณะระหว่างบ้านโคก-บ้านหนองกี่ บริเวณตรงข้ามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองกี่ ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธัชพงศ์ พรหมมา ผกก.สภ.กันทรารมย์ พ.ต.อ.กฤษณ์ พรมดี ผกก.สส.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.ยุทธศาสตร์ ลือขจร รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เทอดชัย เครืออาจ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.กันทรารมย์ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ จันทรง ร้อยเวรสอบสวน เจ้าของคดี เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ และกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.กันทรารมย์ ได้นำตัวมือปืนโหดรายนี้คือ นายอรรถมงคล สมแก้ว อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 5 ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยนายอรรถมงคลถูกจับกุมได้เมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 27 ส.ค. 2566 ที่บ้านพัก ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเค้นสอบสวนอย่างหนัก อีกทั้งจนมุมต่อพยานหลักฐาน ทำให้นายอรรถมงคลยอมเปิดปากรับสารภาพเมื่อช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันนี้ (28 ส.ค.) ว่าเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงนายบุญชอบเสียชีวิต และได้นำเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจยึดของกลางเป็นปืนขนาด .380 เป็นปืนดัดแปลงพร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 ซอง และกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ที่ซุกซ่อนเอาไว้ริมสระน้ำใกล้บ้านพักของตนเอง
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพเริ่มจากจุดแรกเป็นจุดที่นายอรรถมงคลฝช้อาวุธปืนยิงนายบุญชอบ จนล้มลงไปข้างทางและยิงซ้ำไปที่ร่างของนายบุญชอบ จากนั้นได้นำตัวนายอรรถมงคลไปทำแผนจุดที่นำเอาปืนของกลางไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณริมสระน้ำใกล้บ้านของนายอรรถมงคล โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของนายบุญชอบ และชาวบ้านโคก พากันมามุงดูและพากันร่ำไห้ ร้องตะโกนด่าสาปแช่ง นายอรรถมงคล ที่ได้ไปฆ่านายบุญชอบ ซึ่งเป็นคนที่ชาวบ้านทุกคนรักนับถือเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่านายบุญชอบเป็นคนดีชอบช่วยเหลือชาวบ้านทุกคน
นางทอง (นามสมมติ) อายุ 50 ปี แม่ของนายอรรถมงคล ผู้ต้องหารายนี้ กล่าวว่า ตนยอมรับว่านายอรรถมงคล ลูกชายของตนติดยาบ้ามานานแล้ว แต่ว่าไม่เคยตีหรือว่าทำร้ายแม่รวมทั้งคนในบ้านแต่อย่างใด อีกทั้งตนไม่เคยเห็นนายบุญชอบเข้ามาที่บ้านของตนด้วยเช่นกัน และไม่ทราบว่า นายบุญชอบได้ด่าว่านายอรรถมงคล ลูกชายของตนหรือไม่ ซึ่งนายอรรถมงคล ลูกชายของตนเป็นคนดี ทำงานหาเงินช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ตนไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดนายอรรถมงคลจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงนายบุญชอบ พวงจำปา คนในหมู่บ้านเดียวกันเสียชีวิตในครั้งนี้
พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ ได้ตั้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนายอรรถมงคลได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า สาเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงนายบุญชอบถึงแก่ความตายนั้นเนื่องจากว่าโกรธที่โดนนายบุญชอบด่าว่าเรื่องไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและนำเอายาบ้ามาขายในหมู่บ้าน โดยในวันเกิดเหตุ นายอรรถมงคลขี่รถมาจากทำธุระนอกบ้าน และขี่รถจักรยานยนต์เข้าในหมู่บ้านโคก ได้เห็นนายบุญชอบขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทางบ้านหนองกี่ นายอรรถมงคลจึงได้ขับขี่จักรยานยนต์ติดตามไป และดักซุ่มอยู่ที่ทางโค้งก่อนถึงจุดเกิดเหตุ
เมื่อนายบุญชอบขี่รถจักรยานยนต์กลับมา นายอรรถมงคลจึงได้ตามประกบด้านหลังและใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยของนายบุญชอบ 1 นัด ทำให้นายบุญชอบล้มลง จากนั้นนายอรรถมงคลได้ใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้าไปที่ตัวของนายอรรถมงคลอีก 2 นัด และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
นายอิทธิพล สุยะลา นายอำเภอกันทรารมย์ กล่าวว่า นายบุญชอบ พวงจำปา เป็นข้าราชการที่ดีตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น ตนขอยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญชอบไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานในหน้าที่แต่อย่างใด ไม่มีการทุจริต อีกทั้ง อ.กันทรารมย์ได้รับงบประมาณในแต่ละปีจำนวนไม่มาก ส่วนเรื่องการดูแลให้ความช่วยเหลือครอบครัวของนายบุญชอบนั้น ตนได้รายงานให้หน่วยเหนือทราบแล้ว เพื่อจะได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ต่อไป