ตาก – อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก ชี้ สามปัจจัยมีผลกระทบต่อการค้าชายแดน ทั้งการสู้รบ-อุทกภัย-ค่าเงินจ๊าต ทำเม็ดเงินหายจากระบบไม่ต่ำกว่า 20-30%
หลังฝ่ายต่อต้านสภาบริหารทหารเมียนมา กับ ฝ่ายสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.) - กองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ.) ปะทะกันอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยเฉพาะห้วง 13-14 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ทหารเมียนมาพยายามยึดที่มั่นฝ่ายต่อต้านค่ายและกะต่อ ทางใต้ของเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับบ้านห้วยม่วง ต.ท่าสายลวด และบ้านดอนชัย ต.แม่ตาว อ.แม่สอด
ล่าสุดปลายสัปดาห์นี้ สถานการณ์เริ่มนิ่ง เนื่องจากทั้งทหารเมียนมา และกะเหรี่ยงบีจีเอฟ.สูญเสียกำลังพลจากการปะทะ มีทั้งบาดเจ็บ-เสียชีวิต กันจำนวนมาก ต้องลำเลียงศพออกจากพื้นที่การสู้รบ คาดว่า หลังจากเคลียร์กำลังพลแล้วเสร็จ การสู้รบอาจจะปะทุขึ้นครั้งและหนักกว่าเดิม
ด้านนายบรรพต ก่อเกียรติ์เจริญ ที่ปรึกษากอการค้าไทย และหอการค้า จ.ตาก กล่าวว่า ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินจ๊าต สกุลเงินเมียนมาที่มีการซื้อขายกันตามแนวชายแดนลดลงมาก หลังจากที่ทางเมียนมาประกาศจะออกธนบัตรเงินจ๊าตฉบับละ 20,000 บาท ทำให้อัตราแลกเปลี่ยน 100 จ๊าต ต่อ 1.20 บาท ลดลงต่ำกว่า 1 บาท และปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ก็ทำให้การขนสิงนค้าสะดุดไปมาได้น้อยมาก และปัญหาการเมืองในเมียนมามีการสู้รบเกิดขึ้นตลอด ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้านแม่สอด ค่อนข้างมาก
“ตัวเลขทางการค้าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินจากการซื้อขายชายแดนหายไปจากระบบ ร้อยละ 20-30 นอกจากนี้สินค้าไทยในเมียนมาเกิดภาวะขาดแคลน และมีการกักตุนสินค้ากัน ทำให้สินค้าขึ้นราคาด้วย”