เชียงใหม่ - ชาวบ้านสันผีเสื้อรวมตัวชูป้ายคัดค้านยกที่ดิน อบจ.เชียงใหม่ สร้างวัดจีน "เล่งเน่ยยี่" พร้อมจี้ทบทวนยกเลิกโครงการ หลังกลุ่มเอกชนขอใช้พื้นที่และอ้างว่าได้รับความเห็นชอบจากการจัดประชาคมแล้ว ทั้งที่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยติดพื้นที่ไม่เคยรู้เรื่องและไม่ได้เข้าร่วมด้วย หวั่นหมกเม็ดเอื้อประโยชน์แค่คนบางกลุ่ม แต่ชุมชนเดือดร้อนแบกรับผลกระทบไปตลอด
วันนี้(13ส.ค.) ที่บริเวณที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ถนนวงแหวนรอบ3 หมู่ที่ 4 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่กว่า 116 ไร่ กลุ่มประชาชนที่เป็นเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านจัดสรร พร้อมทั้งชุมชนโดยรอบที่ดินดังกล่าว รวมตัวกันชูป้ายแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยและคัดค้านการสร้างวัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดจีน บนที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีการร้องขอจากนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมนักธุรกิจไทยจีนเชียงใหม่ มูลนิธิสามัคคีการกุศลและคณะกรรมการบริหารสมาคม/ชมรม/มูลนิธิ องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนเชียงใหม่ จำนวน 17 องค์กร ที่จะสร้างวัดจีนดังกล่าว ระบุว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อจรรโลงส่งเสริมพระพุทธศาสนา ส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า และส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่
การสร้างวัดดังกล่าวมีการขอใช้พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และมีการทำประชาคมไปแล้ว อย่างไรก็ตามปรากฏว่าเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง กลับไม่เคยทราบเรื่องและไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำประชาคม จึงรวมตัวกันแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยและคัดค้าน พร้อมเรียกร้องไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาทบทวนยกเลิกโครงการดังกล่าว เพราะไม่ได้เป็นความต้องการของชุมชนและมองว่าไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ชุมชนอย่างแท้จริง แต่อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางฝ่ายมากกว่า และไม่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของทางราชการด้วย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการยื่นหนังสือคัดค้านให้กับนายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ ที่มาร่วมรับฟังข้อห่วงใยและความกังวลใจจากชุมชนด้วย
นายวันชัย พิพัฒน์สมุทร อดีตอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนของชุมชนที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านการสร้างวัดจีนดังกล่าว ระบุว่า สร้างวัดหรือศาสนาสถานเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นเรื่องของความศรัทธาของชุมชน ที่อย่างน้อยจุดเริ่มควรจะต้องมาจากการที่ชุมชนมีส่วนร่วมและเห็นชอบด้วย ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ทราบชัดเจนเลยว่าผู้ที่ขอใช้พื้นที่เป็นผู้ใดกันแน่ แต่ทางส่วนราชการกลับมีการทำประชาคมไปแล้ว และมีการออกหนังสือแจ้ง ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดราชการด้วย โดยที่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องและไม่ได้เข้าร่วม แต่กลับมีการสรุปว่าได้รับเห็นชอบแล้ว จึงทำให้เกิดข้อสงสัยหลายประการ
ขณะเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่าที่ดินแปลงนี้เป็นทรัพย์สินที่จัดซื้อมาโดยงบประมาณของทางราชการที่มีวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นการจะให้นำไปจัดสร้างวัดจีนต้องมีการพิจารณาว่าตามกฎหมายนั้นสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร และต้องคำนึงว่าผลประโยชน์ที่แท้จริงเกิดขึ้นกับประชาชนและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ไม่ใช่ตกอยู่กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งอยากให้มีการพิจารณาทบทวน และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงทุกฝ่ายอย่างครบถ้วนและเอียดรอบด้านเสียก่อนที่จะมีข้อสรุปใดๆ
ขณะที่นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ เปิดเผยว่า ทางเทศบาลฯ ได้รับแจ้งจากชาวชุมชนที่อาจจะได้รับผลกระทบว่ามีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างวัดจีนดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อมูลว่าทางส่วนราชการเกี่ยวข้องได้จัดประชาคมและได้รับความเห็นชอบแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยรับทราบเรื่องและไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็นเลย ซึ่งทำให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
ในวันนี้จึงได้มารับฟังและรับเรื่องร้องเรียน โดยที่ในเรื่องการสร้างวัดจีนดังกล่าวนี้ เทศบาลฯ ก็ไม่เคยทราบมาก่อนเช่นกัน แต่เพิ่งทราบเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.66 ที่ได้รับหนังสือจากทางอำเภอเมืองเชียงใหม่แจ้งให้จัดการประชุมสภา เพื่อขอมติเห็นชอบให้ใช้ที่ดินสร้างวัดจีนและพิจารณาว่าการใช้ที่ดินดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและสิ่งแวดล้อมหรือไม่อย่างไร ซึ่งเทศบาลฯ เห็นว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอ จึงแจ้งให้ทางอำเภอทราบ และนำไปสู่การจัดประชาคมอีกครั้งในวันที่ 4ส.ค.66 ที่ผ่านมา แต่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบและไม่ได้เข้าร่วมอยู่ดี เพราะจัดขึ้นอย่างกระชั้นชิดมาก
ล่าสุดทางเทศบาลฯ ได้รับหนังสือลงวันที่10ส.ค.66 จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ แจ้งอีกครั้งให้จัดประชุมสภาฯ เพื่อขอมติเห็นชอบเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่าจนถึงเวลานี้ก็ยังมีข้อมูลไม่เพียงพออยู่ดี โดยมองว่าควรเปิดโอกาสและมีเวลามากกว่านี้ให้ชุมชนและคนในพื้นที่ที่มีส่วนได้เสียโดยตรงได้แสดงความคิดเห็น,ความต้องการและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริงของชุมชนและคนในพื้นที่เป็นสำคัญ ก่อนที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป เพราะชุมชนและคนในพื้นที่เป็นผู้ที่จะต้องรับความเสี่ยงได้รับผลกระทบไปตลอด จึงอยากให้มีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบที่สุดเพื่อประโยชน์อย่างแท้จริงของประชาชนและทางราชการ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบางกลุ่มเท่านั้น