สกลนคร-ตำรวจสกลนคร ตรวจกล้องวงจรปิด ล่าชายปริศนาขับมอเตอร์ไซค์ถามทาง ยิงหนุ่มขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ผู้ต้องหาอาศัยจังหวะคนขับรถบรรทุกเผลอ ชักปืนยิงอย่างอุกอาจ คาดได้ตัวเร็วๆนี้ ส่วนผู้บาดเจ็บล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
วันนี้ ( 5 ส.ค.) พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ดวงแก้ว ผกก.สภ.เมืองสกลนคร พร้อมด้วยพ.ต.ท.พูนศักดิ์ แสนภูวา พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.เมืองสกลนคร สืบสวน ภ.จว.สกลนคร เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธยิงพนักงานขนส่งได้รับบาดเจ็บ ที่หน้าบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง บริเวณ ถนนเสรีไทย ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 6 ล้อ จอดอยู่ริมถนน โดยผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือนายธีรวัฒน์ แก้วกรูด อายุ 27 ปี ชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสกลนครไปก่อนหน้านี้แล้ว
ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบคราบเลือดหยดเป็นทาง ส่วนบริเวณห้องรถบรรทุกสินค้าพบหัวกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 นัด เมื่อดูภาพกล้องวงจรปิด เวลา 09.35 น.เห็นนายธีรวัฒน์ กำลังทำงานหลังรถบรรทุกสินค้าจากนั้นมีชายสวมชุดแจ็คเก็ต สวมหมวกกันน็อคขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดพูดคุยกับนายธีรวัฒน์ ในลักษณะถามทาง
ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะขับจักรยานยนต์ ไปจอดหน้ารถบรรทุกแล้วเดินกลับมาใช้อาวุธปืนยิงนายธีรวัฒน์ ที่ยังยืนในห้องบรรทุกสินค้า กระสุนถูกหน้าท้องทะลุใต้ราวนมขวา ก่อนที่นายธีรวัฒน์ จะกุมมือปิดบาดแผล ลงมาจากรถบรรทุกเพื่อขอความช่วยเหลือ
นายปราโมช ลีพรมมา อายุ 43 ปี คนเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่าตอนแรกเห็นคนขับจยย.มาจอดลักษณะสอบถามเส้นทาง เพราะเห็นผู้บาดเจ็บทำท่าทางลักษณะชี้มือบอกเส้นทางให้ ซักครู่ได้ยินเสียงปืนดังปังตนจึงรีบวิ่งไปดูเพื่อจะถ่ายทะเบียนรถไว้ แต่จยย.ที่ใช้ก่อเหตุไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน เลยบอกคนเจ็บให้รีบขึ้นรถจะรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางผู้บาดเจ็บให้โทรบอกแม่ของเขาด้วย ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บนั้นปกติจะนำสินค้าเดินทางจากโคราชมาส่งที่สกลนครวันเว้นวัน ส่วนสาเหตุนั้นตนก็ไม่ทราบว่าผู้บาดเจ็บไปมีปัญหาอะไรกับใครหรือไม่
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กำลังลงพื้นที่ติดตามผู้ก่อเหตุ โดยจะแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดในระแวกที่เกิดเหตุ คาดว่าจะติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ไม่ยาก ส่วนสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างสืบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าอุกอาจใช้อาวุธปืนก่อเหตุกลางวันแสกๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ล่าสุดอาการผู้บาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว