xs
xsm
sm
md
lg

ติวเข้มแนวทางสืบสวนเอาผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์-เปิดบัญชีม้าหลังคดีความเพิ่มไม่หยุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาสารคาม - ศาลจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับศาลจังหวัดขอนแก่นจัดอบรมให้ความรู้เรื่องแนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีฉ้อโกงประชาชนและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากหรือบัญชีม้า เผยคดีฉ้อโกง-บัญชีม้ามีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุประชาชนรู้ไม่เท่าทันพวกมิจฉาชีพ


วันนี้ (26 ก.ค.) ที่ห้องประชุมศาลจังหวัดมหาสารคาม นายโชคชัย รุจินินนาท อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ประธานในพิธีเปิด (ทางออนไลน์) ในโครงการ “ความร่วมมือแก่นสาร-การประสานความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างศาลจังหวัดมหาสารคามและศาลจังหวัดขอนแก่น” โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เรื่องแนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกงประชาชน และรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝาก (บัญชีม้า) หรือหมายเลขโทรศัพท์ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน มีบุคลากรในกระทรวงยุติธรรม ทั้งผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมรับฟัง

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ตามกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากนี้ต้องมีการทำความเข้าใจ เพราะการดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินต้องอาศัยมูลฐานความผิด ซึ่งเป็นคดีอาญา พนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนรวบรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนไปยังอัยการเพื่อยื่นฟ้อง ความผิด เหตุเกิดท้องที่ไหนก็ฟ้องท้องที่นั้น ปัจจุบันคดีการฉ้อโกง บัญชีม้ามีเพิ่มขึ้นมาก




ดังนั้นจึงต้องมีการให้ความรู้ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ซึ่งปัจจุบันเรื่องบัญชีม้ามีกฎหมายเฉพาะ คือ พ.ร.ก.ว่าด้วยการปราบปรามและเทคโนโลยี มีโทษอาญา มีการกำหนดเอาไว้กรณีเปิดบัญชีแล้วให้คนอื่นไปใช้ โดยผู้ที่รับเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองเพื่อใช้กระทำความผิด มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท แต่หากเป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาเพื่อให้มีการ ซื้อ ขาย เช่า ยืม บัญชีเงินฝาก/หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อใช้กระทำความผิดมีโทษจำคุก 2-5 ปี หรือปรับ 200,000-500,000 บาท

ด้านนายอัครพันธ์ สัปปพันธ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมหาสารคาม ระบุว่า ปัจจุบันมีการหลอกลวงประชาชนจากกลุ่มมิจฉาชีพในหลากหลายรูปแบบ และแพร่หลายมากขึ้นจากความเข้าใจผิดและความไม่รู้ของประชาชน นอกเหนือจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มมิจฉาชีพบนโซเชียลมีเดีย อีเมลหลอกลวง และ “บัญชีม้า” ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดและฟอกเงิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่างๆ เช่น การพนัน การฉ้อโกง และการค้ายาเสพติด เพื่อไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัวผู้กระทำความผิดได้

ซึ่งมิจฉาชีพก็จะใช้วิธีต่างๆ ให้ได้มาซึ่งบัญชีม้า เพื่อเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม ทำให้การตรวจสอบผู้กระทำความผิด ค้นหาตัวผู้กระทำความผิด และการแสวงหาพยานหลักฐานใดที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทความผิดยากและลำบากมากขึ้น


ศาลจังหวัดมหาสารคามจึงได้ร่วมกับศาลจังหวัดขอนแก่นจัดโครงการความร่วมมือแก่นสาร-การประสานความร่วมมือทางวิชาการจัดกิจกรรมบรรยายทางวิชาการ เรื่อง “แนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกงประชาชนและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน” เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีคดีขึ้นสู่ศาลเพิ่มมากขึ้น จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วจะดำเนินคดีกับบัญชีเงินฝากแรกที่มีการโอนจากผู้เสียหายไปยังบัญชีนั้น

ซึ่งโดยมากแล้วจะรู้จักกันในนามบัญชีม้า อาจถูกรับจ้างเปิดบัญชีหรือถูกหลอกให้เปิดบัญชี แต่หลังจากนั้นแล้วจะมีการโอนหรือว่ามีการกระจายเงินจากบัญชีม้าไปยังอีกหลายๆ บัญชี ซึ่งสุดท้ายหนึ่งในนั้นจะเป็นบัญชีผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ซึ่งทางเลขาธิการ ปปง.ก็มาให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ทั้งผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ และพนักงานปกครอง เพื่อที่จะได้มีความรู้เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานว่า เมื่อมีการนำสืบพยานหลักฐานเหล่านี้ในศาลแล้ว มีความน่าเชื่อถืออย่างไร ทำให้การทำงานในทุกๆ ส่วน


ไม่ว่าจะเป็นรวบรวมหลักฐานหรือการวินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันจากการตรวจสำนวนมีเรื่องสู่การพิจารณาทุกเดือน เดือนละ 2-3 เรื่อง มีทั้ง ฉ้อโกงในวงใหญ่ ฉ้อโกงรายเดียว แต่ว่ามีมูลค่าความเสียหายมาก ในบางสำนวนมีมูลค่าความเสียหายหลัก 10 ล้าน เฉพาะที่จังหวัดมหาสารคามจังหวัดเดียว

ภาพรวมในภาคอีสานตอนบนมีความผิดประเภทนี้มากพอสมควร จริงๆ แล้วก็กระจายไปทั่วประเทศ เพราะความผิดประเภทนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถหลอกลวงฉ้อโกงได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศ หรืออยู่ต่างประเทศ ยกตัวอย่างจากการตรวจสำนวนในคดีหนึ่ง จำเลยมีทั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และเชียงราย ซึ่งกระจายกันอยู่หลายจังหวัด


กำลังโหลดความคิดเห็น