เชียงใหม่ - คนงานโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟดอยสะเก็ดที่เกิดเหตุระเบิดเผยนาทีหนีตายต้องกระโดดลงไปหลบในทุ่งนา ยืนยันชัดเจนจุดเกิดเหตุเป็นโรงงานผลิต ไม่ใช่แค่เก็บและจำหน่ายตามที่ได้รับใบอนุญาต โดยช่วงก่อนเกิดเหตุกำลังเร่งผลิตตามออเดอร์ลูกค้าให้ทันส่งตามนัดหมายภายในสัปดาห์นี้
ความคืบหน้าเหตุการณ์บ้านพักที่เป็นโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 14 บ้านสันทุ่งใหม่ ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เกิดระเบิดเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้นั้น ล่าสุดเช้านี้ (25 ก.ค. 66) ชาวบ้านยังคงสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อลงทะเบียนรับความช่วยเหลือจากทางเทศบาลในการซ่อมแซมบ้านเรือน ล่าสุดมีบ้านเรือนกว่า 30 หลังคาเรือนที่ได้รับความเสียหายในรัศมีประมาณ 500 เมตร จากจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ยังคงทำการปิดกั้นพื้นที่จุดเกิดเหตุไว้ ส่วนอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 8 รายในตอนนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หลายรายถูกย้ายตัวกลับมารับการรักษาที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ดแล้ว แต่ยังมีผู้ที่ยังมีอาการสาหัสอยู่คือแม่ภรรยาของเจ้าของบ้านที่เป็นโกดัง ยังมีอาการสาหัสต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
ทั้งนี้ พบว่าจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หลายฝ่ายยังให้ข้อมูลไม่ตรงกันในเรื่องของใบอนุญาต และลักษณะของจุดเกิดเหตุ ซึ่งในใบอนุญาตนั้นระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นใบอนุญาตให้ค้า หรือจำหน่ายดอกไม้เพลิงยกเว้นประทัดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (ประทักยักษ์) ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ผลิต ซึ่งทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะทางนายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลยอ้างกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ว่าจุดเกิดเหตุเป็นที่เก็บรักษาหรือจำหน่ายสินค้าประเภทพลุดอกไม้ไฟเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่มีการผลิตหรือมีลักษณะเป็นโรงงานผลิต ซึ่งสวนทางกับที่ชาวบ้านใกล้เคียงที่ต่างได้ให้ข้อมูลว่าจุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นสถานที่ผลิตพลุดอกไม้ไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลจากหญิงสาวที่เป็นคนงานและอยู่ในเหตุการณ์ระเบิดจนต้องหนีตายออกมาได้อย่างหวุดหวิด
คนงานหญิงรายนี้เผยว่า ตอนเกิดเหตุกำลังอยู่ในช่วงของการผสมสารเคมีเพื่อเตรียมรอที่จะนำเข้าเครื่องอัดพลุ แต่จุดที่ผสมอยู่คนละที่กับจุดที่เกิดประกายไฟครั้งแรก ต่อมาได้ยินเสียงของเจ้าของคือนายพงษ์ศิริ คาบอินทร์ ได้ตะโกนบอกว่า ปลั๊กไฟช็อต และตะโกนบอกให้ทุกคนหนี ทันทีที่หันไปมองก็เห็นว่าไฟเริ่มลุกตรงจุดนั้น จึงรีบหนีกระโดดลงร่องนา หลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่น โดยที่ตัวเองหลบอยู่กับพื้นจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวของเจ้าของบ้าน ซึ่งหลายคนวิ่งหลบหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุได้ ยกเว้นแม่ของภรรยาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มาก ทำให้ไม่สามารถหนีออกมาได้ทันจึงบาดเจ็บรุนแรงกว่าคนอื่นๆ โดยยืนยันว่าจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ผลิตพลุดอกไม้ไฟ และช่วงเกิดเหตุอยู่ระหว่างการเร่งผลิตเพื่อให้ทันส่งมอบลูกค้าที่สั่งไว้ตามเวลานัดหมายในวันที่ 27 ก.ค. 66
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุหลายคนต่างยืนยันตรงกันว่าจุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นโรงงานหรือสถานที่ผลิตพลุดอกไม้ไฟด้วย ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นนานกว่า 10 ปีแล้ว เป็นเหตุเพียงเล็กน้อย ต่อมาครั้งที่ 2 เกิดเหตุประมาณเดือนกันยายน 2555 ทำให้นายพงษ์ศิริ คาบอินทร์ เจ้าของถูกไฟคลอกต้องนอนรักษาตัวอยู่นานเกือบปี จนมาครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้มีการจำหน่ายและผลิตพลุดอกไม้ไฟที่บ้านหลังดังกล่าวอีกแล้ว เพราะเป็นวัตถุอันตรายที่ไม่สมควรให้มาอยู่กลางชุมชน
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงคืนที่ผ่านมาระหว่างที่นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ ทางนายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย ยืนยันว่าจุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ที่ได้รับอนุญาตจำหน่ายและเก็บพลุดอกไม้ไฟอย่างถูกต้อง โดยไม่มีการผลิตแต่อย่างใด และครั้งนี้เป็นการเกิดเหตุครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จากนี้เตรียมทำประชาคมรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านเกี่ยวกับการประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงหรือเป็นอันตรายที่จะตั้งในชุมชน ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเตรียมถอดบทเรียนและวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ทั้งที่จุดนี้และทุกจุด ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ทุกอำเภอสำรวจสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตเก็บและจำหน่ายพลุดอกไม้ไฟในพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบเดียวกันนี้