ฉะเชิงเทรา - นักธุรกิจด้านคลังสินค้าใน จ.ฉะเชิงเทรา ชี้การเมืองไม่นิ่งกระทบผู้ประกอบการทั้งส่งออกและนำเข้า เร่งให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว หวังได้คนทำงาน สร้างความมั่นใจคู่ค้า รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากโครงการ EEC
นายจุลภัทร เกื้อสกุล ประธานบริษัท เอสเจอินเตอร์โลจิสติกส์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจด้านคลังสินค้าในเขตปลอดอากรฟรีโซน (Free Zone) เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองของไทยในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งที่ผ่านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 มานานกว่า 2 เดือนแล้วว่า หากยังปล่อยให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันการส่งออกของไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่การทำการค้ากับต่างประเทศผู้นำเข้าและส่งออกจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมืองเป็นหลัก และขณะนี้ต่างรอดูแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลของไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะออกมาในรูปแบบใด
เพราะการใช้จ่ายจากภาครัฐจะช่วยกระตุ้นให้การส่งออกและนำเข้าของไทยสามารถเติบโตได้อีกอย่างน้อย 4-5% ในปีนี้
“อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่าให้เลือกคนที่จะเข้ามาดูแลงานด้านการขนส่งที่เป็นมืออาชีพ และมีความรู้ความเข้าใจงานด้านโลจิสติกส์ที่จะเกี่ยวข้องกับต้นทุนในทุกๆ ทางเพื่อให้เกิดศักยภาพการแข่งขันกับต่างประเทศ โดยเฉพาะหากเป็นตำแหน่งรัฐมนตรี จะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ให้มาก หรืออาจเข้าปรึกษาหารือในกลุ่มหรือสมาคมผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้ไทยก้าวขึ้นเป็นฮับที่สำคัญด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์”
โดยเฉพาะเรื่องของการกระจายสินค้าจากจีนซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและมีอนาคตที่จะเติบโตได้อีก หลังการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ที่จะมีการขยายขนาดท่าเรือให้ใหญ่มากขึ้นเพื่อรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่จากประเทศต่างๆ
นายจุลภัทร ยังเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เปิดโกดังสินค้าแห่งใหม่ในเขตปลอดอากรศุลกากร ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางที่อยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ที่มีรัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตร โดยมีพื้นที่ฟรีโซนอยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้สิทธิพิเศษของการอยู่ในพื้นที่โครงการ EEC ที่จะทำให้สามารถจัดเก็บสินค้าที่ยังไม่ต้องเสียภาษี
โดยมีเป้าหมายการเป็นฮับกระจายสินค้าไปกลุ่มประเทศในอินโดจีน และยังมีห้องเย็น รวมทั้งคลังสินค้าในการจัดเก็บสินค้าที่หลากหลาย ทั้งสุรา บุหรี่ และสินค้าแช่เย็นต่างๆ ในพื้นที่โกดังขนาด 5,000 ตารางเมตร และในอนาคตยังมีแผนที่จะขยายแวร์เฮาส์ไปตามหัวเมืองต่างๆ ทั้งในเขตแหลมฉบัง และเขตเมืองชลบุรี รวมทั้งตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย