ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมปศุสัตว์ยืนยันไม่มีกระบวนการสวมสิทธิชิ้นส่วนไก่ส่งออก แจงมีระบบคุมเข้มห่วงโซ่การผลิต ส่วนกรณีที่มีข่าวพบเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์มีส่วนเกี่ยวข้อง หากตรวจพบในภายหลังพร้อมดำเนินการสอบสวน และลงโทษตามระเบียบราชการอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (18 ก.ค.) นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่ากรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการลักลอบสวมสิทธิการส่งออกชิ้นส่วนไก่ ระบุว่า มีการนำชิ้นส่วนไก่ที่ไม่ได้มาตรฐานมาปลอมแปลงใบรับรองสุขอนามัยเพื่อส่งออกไปประเทศจีน โดยอ้างว่าเป็นกระบวนการที่เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ร่วมด้วยว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้มีการกำกับดูแลตลอดห่วงโซ่การผลิตจนสามารถตรวจสอบย้อนได้ในทุกขั้นตอนว่าเป็นไปตามกฎหมาย และเงื่อนไขของประเทศคู่ค้า
โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 ประเทศไทยมียอดส่งออกชิ้นส่วนไก่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนไก่เนื้อเข้าเลี้ยง
นายสัตวแพทย์ สมชวน ยังเผยอีกว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ว่ามีกระบวนการสวมสิทธิการส่งออกชิ้นส่วนไก่ที่ไม่ได้มาตรฐานเตรียมส่งออกไปจีน และมีการจับกุมการลักลอบขนย้ายชิ้นส่วนไก่ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งผู้กระทำความผิดไม่สามารถส่งออกได้จึงต้องมาประกาศขายภายในประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ และยังระบุว่า ยอดการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปประเทศจีนของปีที่แล้วกับปีนี้สูงขึ้นกว่า 100% สวนทางกับจำนวนลูกไก่ที่ลดลงจึงเชื่อว่ามีกระบวนการสวมสิทธิส่งออกนั้น
ในนามกรมปศุสัตว์ ขอยืนยันว่ากระบวนการสวมสิทธิการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากในกระบวนการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนไก่ตั้งแต่การฆ่าและชำแหละ การขนส่ง จนกระทั่งการออกใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) มีการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนตลอดห่วงโซ่การผลิต
และมีการหมุนเวียนเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำโรงฆ่าไก่ส่งออกเป็นระยะ สามารถตรวจสอบย้อนได้ทุกขั้นตอนซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย มาตรฐานสากล และเงื่อนไขของประเทศคู่ค้า อีกทั้งข้อมูลปริมาณลูกไก่เนื้อที่เข้าเลี้ยงในประเทศไทยไม่ได้ลดลงตามที่ระบุในข่าวแต่อย่างใด
"ส่วนที่ตามข่าวมีการปรากฏชื่อสัตวแพทย์ของกรมปศุสัตว์ เป็นผู้ลงนามใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) ที่มีการปลอมแปลงนั้น สัตวแพทย์ผู้ถูกปลอมแปลงลายมือชื่อได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และลายมือชื่อดังกล่าวไม่ใช่ของตนเองแต่อย่างใด"
อธิบดีกรมปศุสัตว์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ทำกาาตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมอบหมายให้ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ทำหนังสือขอข้อมูล พยาน เอกสาร และหลักฐานต่างๆ ไปยังตำรวจชุดจับกุมของกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้แก่ หนังสือ Health Certificate ที่ปลอมแปลงใบอนุญาตนำสัตว์และซากสัตว์ออกนอกราชอาณาจักร (ร.9) ใบขนสินค้าขาออก และอีเมลที่ทางการจีนยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ไทยส่งไปเพื่อมาใช้ประกอบการพิจารณาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้อง
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตอบเป็นหนังสือมายังด่านกักกันสัตว์ชลบุรีว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่มีเอกสารข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากกรมปศุสัตว์ตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์มีส่วนเกี่ยวข้องในภายหลัง จะดำเนินการสอบสวน และลงโทษตามระเบียบราชการอย่างเด็ดขาดต่อไป
